ตำรวจ เตือนห้ามชุมนุมบ่ายนี้เด็ดขาด-เตรียมสอบผู้ถูกจับ 20 คน

ตำรวจเผยจับแกนนำผู้ชุมนุน 20 ราย เตรียมสอบสวนตามระเบียบ พร้อมประกาศห้ามชุมนุมที่ราชประสงค์เด็ดขาด

วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 07.35 น. ข่าวสด รายงานว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ร่วมกันแถลงว่า หลังนายกฯ มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร นายกฯ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เป็นผู้แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเจ้าพนักงาน เพื่อดำเนินการตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

โฆษกตำรวจ ระบุว่า หลังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขต กทม. ยังมีผู้ชุมนุมบางส่วนฝ่าฝืนข้อกำหนด จึงควบคุมตัวผู้ฝ่าฝืนทั้ง 20 ราย โดยในจำนวนนี้ยืนยันว่าเป็นแกนนำรวม 3 ราย ประกอบด้วย นายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ นายอานนท์ นำภา และนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ แพนกวิน ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และจัดให้มีการชุมนุม ซึ่งทั้งหมดถูกคุมตัวไปยัง กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี โดยทุกคนไม่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการจับกุมตัว ยืนยันจะดำเนินการสอบสวนตามระเบียบการควบคุมตัว

โฆษกตำรวจ ยังได้ประชาสัมพันธ์ไปถึงกลุ่มผู้ชุมนุม ห้ามชักชวนไปร่วมชุมนุมเด็ดขาด โดยเฉพาะการชักชวนไปชุมนุมที่ราชประสงค์ในช่วงบ่ายวันนี้ ถือเป็นความผิด ฉะนั้น ถือว่าผู้ชักชวนและผู้ไปร่วมชุมนุมกระทำความผิดฝ่าฝืนสถานการณ์ฉุกเฉิน

ในช่วงบ่ายวันนี้นั้น ทาง บช.น. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น. เป็นผู้ดูแลในภาพรวม โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนหลักๆ โซนแรก สกายวอร์ค รถไฟฟ้าบีทีเอส อยู่ในความรับผิดชอบของ พ.ต.อ.อัศวยุทธ นุชพุ่ม รอง ผบก.น.6

โซนที่สอง ถนนราชดำริ ซีกขวาตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เกษรพลาซ่า มายังอัมรินทร์พลาซ่า อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5

และโซนที่สาม ตั้งแต่เซ็นทรัลเวิลด์ พารากอน ถนนพระราม 1 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.เมธี รักพันธ์ ผบก.น.6

ซึ่งจะใช้กำลังตำรวจทั้งสิ้น 13 กองร้อย หรือประมาณ 2 พันนาย เข้าพื้นที่ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ในการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบการชุมนุม พร้อมขอให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ถึง 22.00 น.

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตำรวจยังได้ตรวจสอบการกระทำความผิดในลักษณะโพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ทางโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยส่วนนี้ทาง กองบัญชาการตำรวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท. ) หรือบช.ไซเบอร์ เป็นผู้รวบรวมข้อมูลสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี