“แอมเนสตี้” เรียกร้องตำรวจปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับ-หาทางเจรจา

“แอมเนสตี้” ออกแถลงการณ์เรียกร้องตำรวจปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับอย่างไม่มีเงื่อนไข-หาทางเจรจากับผู้ชุมนุม

วันที่ 15 ตุลาคม 2563 แอมเนสตี้ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ประเทศไทย: มีการจับกุมผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นท่ามกลางประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อห้ามการชุมนุม

สืบเนื่องจากข่าวที่ว่าทางการไทย สั่งห้ามการชุมนุมของบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และห้ามการเผยแพร่ข้อมูลที่ “อาจทำให้เกิดความหวาดกลัว”

มิงยู ฮาห์ รองผู้อำนวยการภูมิภาคด้านการรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “คำสั่งที่คลุมเครือและรุนแรงเช่นนี้ จะยิ่งนำไปสู่การจับกุม ควบคุมตัว และดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมมากขึ้น

“คาดว่าจะมีการชุมนุมอีกครั้งในวันนี้ เราจึงเรียกร้องทางการไทยให้หาทางเจรจากับผู้ชุมนุมเพื่อให้สถานการณ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้น

มิงยู ฮาห์กล่าวว่าการจับกุมผู้ชุมนุมจำนวนมากเมื่อเช้านี้ เป็นวิธีการที่ไม่ชอบธรรมเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะการชุมนุมเป็นไปโดยสงบ การดำเนินงานของรัฐเช่นนี้มีเจตนาอย่างชัดเจนเพื่อปราบปรามผู้ที่มีความเห็นต่าง ทำให้เกิดความหวาดกลัวในกลุ่มประชาชนที่เห็นด้วยกับผู้ชุมนุม

เราขอเรียกร้องให้ตำรวจไทยปล่อยตัวผู้ชุมนุมโดยสงบทั้งหมดทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข และผู้ชุมนุมทุกคนที่ถูกควบคุมตัวจะต้องสามารถติดต่อทนายความได้

มิงยู ฮาห์ กล่าวว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างฉับพลันในยามวิกาล เป็นการเพิ่มมาตรการปราบปรามเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบของไทยครั้งล่าสุด

“แทนที่จะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและจับกุมผู้ชุมนุมจำนวนมาก ทางการไทยควรเปลี่ยนแนวทาง โดยต้องปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่จะเคารพสิทธิของบุคคลทุกคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นโดยสงบ ทั้งผ่านทางโซเชียลมีเดียและการชุมนุมบนท้องถนน”

รายงานข่าวว่ามีการจับกุมบุคคลอย่างน้อย 21 คน จากการเข้าร่วมการชุมนุมเช่นกัน” มิงยู ฮาห์กล่าว