เปิดใจ ‘สุชาติ’ ทาบบารมี ‘คุณปลื้ม’ ค้ำเก้าอี้ ‘ประยุทธ์-บิ๊กป้อม’ ยาว 4 ปี

สุชาติ ชมกลิ่น

ปี 2549 รัฐบาลทักษิณ ถูกกวาด ทั้งระบอบด้วย “ม็อบเสื้อเหลือง” ตอกฝาโลงด้วยปากกระบอกปืน

ปี 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์ หลังพิงฝา-ต้อนเข้ามุม “ม็อบเสื้อแดง” จนต้องประกาศยุบสภา

ปี 2557 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แก้วหูแตกจากเสียงนกหวีด-ม็อบ กปปส. ไม่ไหว และถูกทุบโต๊ะ-ขอเวลาอีกไม่นาน

ปี 2563 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ “ถอยครึ่งซอย” ขอสงวนสิทธิ์ “ไม่ลาออก” ใช้ไม้นวมสลับไม้แข็ง นวด “ม็อบราษฎร”

“ประชาชาติธุรกิจ” สนทนาพิเศษ “สุชาติ ชมกลิ่น” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน “ขุนพลเอก” ข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร

“ประยุทธ์” อยู่ครบ 4 ปี

“สุชาติ” เปิดบทสนทนาด้วยคำถามเผ็ดร้อน ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมอันร้อนฉ่าของ “ม็อบราษฎร” กับ 3 ข้อเรียกร้องลุยไฟ ประยุทธ์ออกไป-รื้อรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ-ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์

“นายกฯอยู่ครบ 4 ปีอยู่แล้ว สภาไม่มีเรื่องทุจริต ส.ส.ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย คณะรัฐมนตรีไม่ทำอะไรทุจริต รัฐบาลถ้าจะอยู่ไม่ได้มี 2 เรื่อง หนึ่ง ทุจริต สอง กฎหมายเหลื่อมล้ำ-ไม่เป็นธรรม”

การเมืองสมัยปี’52 ปี’53 เสื้อแดงแรงกว่านี้ ครั้งนี้เป็นความคิดต่างที่คนอื่นไม่เอาด้วย ตีสักหลักหมื่น แต่เมื่อก่อนม็อบเป็นหลักแสน กปปส.หลักล้าน

“วันนี้ม็อบนักศึกษาที่ทำกันอยู่ ทั้งประเทศมีถึงล้านไหม เราไม่ได้ท้า แต่คนไม่เห็นด้วย (เน้นเสียง) เห็นเสื้อเหลืองไหมที่ออกมาปกป้องสถาบัน รวมแค่จังหวัดละหมื่นคน 70 จังหวัด 7 แสน”

“สุชาติ” ตอบคำถามแบบไม่ออฟไซด์ “พล.อ.ประยุทธ์” ถอยสุดซอยหรือยัง-มีทางถอยอีกหรือไม่ ? นายกฯต้องตัดสินใจ ถ้าเป็นผม ผมไม่ได้ทำอะไรผิด

“อยากแก้รัฐธรรมนูญก็แก้ อยากประชาพิจารณ์ก็ทำ ดูว่าเสียงส่วนใหญ่จะเอายังไง เพราะรัฐธรรมนูญผ่านประชามติมา ถ้าคุณจะทำอะไรต้องถามประชาชนทั้งหมด”

ถ้าเกิดนายกฯลาออกและยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯอีกล่ะ ถ้าบอกต้องทำสัญญาประชาคมว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องไม่กลับมาเป็นนายกฯอีกจะได้ยังไง

“เฮ้ย อย่างนี้ต้องไปตั้งประเทศเองแล้ว ต้องไปอยู่ประเทศอื่นแล้ว เพราะไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย เราต้องยอมรับเสียงส่วนใหญ่ของบ้านเมือง”

เรื่องปฏิรูปสถาบัน ไม่มีใครเห็นด้วยอยู่แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ จะเอายังไง ประชามติกันเลยไหมล่ะ จะได้รู้ว่าประเทศไทยจะเอายังไง

“วันนี้เริ่มเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แล้วทำไมไม่จบ พอได้ 1 จะเอา 2 พอได้ 2 จะเอา 3 เอา 4 ไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะจบยังไง ไม่จบหรอก ถ้าไม่มีสัจจะในคำพูดของตัวเอง”

เชื่อใจพรรคร่วมได้ 99.99%

แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะเคยลั่นวาจาว่า “ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” มรสุมทุกลูกจึงพุ่งไปที่ประมุขฝ่ายบริหาร แต่เมื่อถึงจุดระเบิดอารมณ์ “ปกป้องผมบ้าง” จึงหลุดออกจากปาก

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลที่มี “แคนดิเดตเป็นนายกฯ” กลับเจือจาง รู้หลบเป็นปีก-รู้หลีกเป็นหาง “สุชาติ” คนพวก-เพื่อนเยอะ ตอบแบบบัวไม่ให้ช้ำ-น้ำไม่ให้ขุ่น

“เขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นระดับหัวหน้าพรรคต้องเก็บข้อมูลก่อน ว่าเขาจะพูดอะไร เพื่อจะได้พูดทั้งหมดทีเดียว แต่ในการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ผมก็ดูนะ พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนชี้แจงในสภาได้ดี”

พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยกันมาเกือบ 2 ปี ทุกคนรู้ว่า นายกฯให้เกียรติพรรคร่วมอยู่แล้ว ทุกคนมีหน้าที่ในส่วนของตัวเองที่มีความถนัด และไม่มีอะไรที่ไม่ดี

สิ่งที่นายกฯเจอวันนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สามารถตอบคำถามได้ทุกคำถาม แต่การที่คนมองว่า ทุกอย่างไปที่นายกฯ เขาอาจจะมองว่า ที่ผ่านมานายกฯไม่เคยโดนอะไรมาเลย พอมาโดนตรงนี้หน่อยก็เลยดูเป็นเรื่องใหญ่

“เหมือนคนไม่เคยเลือดออก พอเลือดออกหน่อยเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ถ้าคนเป็นนักรบ เย็บกี่เข็มก็ไม่เป็นไร เพราะเคยเย็บแล้ว แต่นายกฯผ่านมาเยอะ เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่”

อย่าไปมองว่า นายกฯโดนทุกเรื่อง ม็อบน้อยกว่าแต่ก่อนไหม เศรษฐกิจทั่วโลกเป็นยิ่งกว่านี้ ฝ่ายค้านจึงตีเรื่องเศรษฐกิจ ระดับคนเป็นนายกฯ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าโควิดกลับมาอีกรอบหนึ่งสิ น่ากลัว เพราะต้องเปิดตำราสู้อีกรอบ

“พรรคร่วมรัฐบาลเชื่อใจได้ ไม่ถอนตัวแน่นอน 99.99 เปอร์เซ็นต์ ทุกคนที่มาร่วมรัฐบาล มาทำภารกิจเพื่อประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนได้ และเข้าสู่ระบบการเมืองเต็มรูปแบบ ทุกคนต้องการให้ประเทศชาติเดินไปได้”

พลังประชารัฐขึ้นตรง “บิ๊กป้อม”

ขณะที่พรรคแกนนำรัฐบาล-พลังประชารัฐที่เคยประกาศว่า ไม่ใช่ “พรรคเฉพาะกิจ” แต่ปรากฏการณ์ที่ผ่านมา “คนนอกพรรค” เห็นเพียงแต่ความเป็นกลุ่ม-ก๊วน และเกาะเกี่ยวกันเพียงผลประโยชน์ ไม่ใช่เลือดอุดมการณ์ที่เข้มข้น

“สุชาติ” ปฏิเสธทันควัน “ไม่ใช่ผลประโยชน์ ทุกคนมาจากทุกภาค ทุกคนมี ส.ส. เหมือนบริษัทใหญ่มีพนักงานเป็นแสนคนไม่มีทางรู้จักกันหมดทั้งแสนคนหรอก มันก็ต้องมี คนนี้เป็นลูกน้องสายนั้น สายนี้”

“แต่ทุกคนฟังประธานบริษัท (หัวหน้าพรรค) นโยบายประธานบริษัทเป็นอย่างไรก็ไปตามนั้น ไม่ได้ทะเลาะกัน
ไม่ได้มีผลประโยชน์ มาตรา 144 ค้ำคออยู่ ทำอะไรไม่ได้ วันนี้เราให้นโยบายอย่างเดียว ข้าราชการเป็นคนดูเรื่องงบประมาณ”

“สุชาติ” บอกเป็นนัยว่า การเปิดสภาสมัยวิสามัญ 2 วันเพื่อแก้วิกฤต เป็น “ทางออก” มากกว่า “ทางตัน”

ผมได้คุยกับเพื่อนที่อยู่ฝ่ายค้านหลายคน ถึงจะเป็นฝ่ายค้าน แต่ยังมีความสุข มีไม่กี่คนที่อยากให้ยุบสภา ลาออก เพราะทุกคนยังสนุก ถึงแม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่ก็เป็นตัวแทนชาวบ้าน

“ลงมติลับไหมล่ะ ส.ส. 500 คน จะมีถึง 20 เปอร์เซ็นต์ไหมที่อยากเลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งใหม่กลับมาเป็น ส.ส. ตัวแทนชาวบ้านเหมือนเดิม แล้วจะเลือกตั้งใหม่หมด 6,000-7,000 ล้านเพื่ออะไร”

มีสนับสนุน (การชุมนุมนอกสภา) ไม่กี่คน ฝ่ายค้านเหมือนกันแต่คนละพรรค ผมแกล้งถามว่าอยากเลือกตั้งใหม่เหรอ ไม่อยากเลือกตั้งใหม่ แต่เพราะผู้มีอิทธิพลในพรรค

ท้าเปิดอกคุยอย่างลูกผู้ชาย

“สุชาติ” ให้เปิดอกคุยอย่างลูกผู้ชาย-เอาความจริงมาคุยกัน คุณต้องการอะไรกันแน่ วันนี้ไม่ใช่เรื่องสภา ดีกว่าสมัยก่อนมาก วันนี้บรรยากาศในสภาดีมาก ส.ส.มีความสุขที่สุด ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายรัฐบาล ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

“ในสภาคุยกันแบบลูกผู้ชายกันหมดแล้ว ไอ้คนที่อยู่นอกสภาไม่ยอมรับว่าอยู่เบื้องหลังทำเรื่องพวกนี้ แล้วเวลาถูกจับ ทำไมมี ส.ส.ฝ่ายค้านพรรคเดียวไปประกันตัวล่ะ มันแอบไง คุณยืดอกมาสิว่า คุณเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ เอามาคุยคิดอะไร”

เมื่อปัจจัยการอยู่-การไปของรัฐบาลอยู่บนท้องถนน-นอกเหนือเกมการเมืองในสภา เขาจึงฝากความหวังไว้ที่ “ฝ่ายความมั่นคง” ตำรวจต้องทำหน้าที่-บังคับใช้กฎหมาย

“อย่าลืมว่า ไม่ใช่มีเขากลุ่มเดียว คนที่รักสถาบัน ที่คุณก้าวล่วง จาบจ้วงอย่างนั้น คุณรับได้เหรอ ย่ำยีหัวใจคนอย่างนั้น คนที่เขารับไม่ได้ คนที่เขารักสถาบัน มีไม่รู้ตั้งกี่สิบล้านคน วันนี้เขาออกมาทั้งประเทศ”

“ออกมาแสดงพลังให้เขารู้ว่า เฮ้ย แค่คนเสี้ยวเดียว 1 ใน 100 เอง 2 เปอร์เซ็นต์ 3 เปอร์เซ็นต์ของ 100 เปอร์เซ็นต์ คุณไม่เห็นใจคนที่คุณไปย่ำยีเขาเหรอ ถ้าคุณอยู่ในระบอบประชาธิปไตย คุณก็ต้องยอมรับ”

“อย่างบางแสน ผมบอกผู้นำมวลชนผมทั้งหมด อบรมลูก สิ่งที่ผมบอกผู้นำ บอกชาวบ้านให้ไปคิด ทำไมต้องให้คนที่อยู่เบื้องหลังมาชักใย ต่อไปจะถอยหมด เขาไม่เอาด้วย เพราะวันนี้คนที่ออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบันเยอะมาก”

บ้านใหญ่ชมกลิ่น

พ.ศ.นี้ ในชลบุรี โดยเฉพาะบางแสน ไม่มีใครไม่รู้จัก “เสี่ยเฮ้ง” เจ้าของหัวหน้า “ซุ้มมังกรน้ำเค็ม” ผู้นำชุมชน ชายอกสามศอก-ลูกเล็กเด็กแดง เข้า-ออก “บ้านใหญ่ชมกลิ่น” ชนิดหัวบันไดไม่แห้ง

“สุชาติ” เปิดใจความสัมพันธ์ลึกระหว่าง “บ้านใหญ่คุณปลื้ม” ของ “กำนันเป๊าะ” ผู้มีพระคุณที่บารมีทางการเมืองอัสดง เหลือไว้เพียง “ทายาทคุณปลื้ม” ที่ละการเมืองระดับชาติ-จรยุทธ์อยู่กับการเมืองท้องถิ่น

“เหมือนเดิม แต่เป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำงานให้พรรคเต็มตัว แต่บ้านใหญ่ชลบุรี เขาก็ลงนายก อบจ. ก็ช่วยเขาแค่นั้นเอง แต่ ส.จ.ของเราก็มีบางส่วนที่ลงอิสระ คนของเรา เป็นเรื่องปกติ เพราะพูดเอาไว้แล้ว”

“มันมีตำแหน่งเดียวในเขตนี้ บางคนก็อยากเป็น เพื่อนเรา น้องเราก็โตเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว มันก็รอไม่ไหว ก็ต้องปล่อยให้เขาแข่ง แต่นายก อบจ.เราก็ช่วยเขา นายก อบจ.คนเดิม ไม่ทะเลาะกันเราก็ปล่อยฟรีสไตล์ เราไปห้ามเพื่อนหมด ใครจะคบกับเรา”

เมื่อถามว่าตอนนี้บารมีสูสีกับบ้านใหญ่คุณปลื้มแล้วหรือยัง ? สุชาติชักคำเข้า-ชักคำออก

“เยอะกว่ามั้ง (หัวเราะ) ไม่หรอกเราเคารพเขาเหมือนเดิม เขาก็ลูกเจ้านายเก่า เราเหมือนพี่น้องกัน แต่บางอย่างเส้นทางชีวิตมันเดินมาแบบนี้แล้ว”

“ชีวิตเราให้เราเกิดทางการเมือง ตอนนี้ก็คือ หัวหน้าพรรค (พล.อ.ประวิตร) เสนอเรา เราก็ต้องทำงานให้พรรคเต็มตัว100 เปอร์เซ็นต์”

เป็นบ้านใหญ่หลังที่ 2 ของชลบุรี-บ้านไหนคนเดินเข้าเดินออกมากกว่ากัน ?

(หัวเราะ) ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก เหมือนพี่น้องกัน เป็นบ้านแฝด

“เอาอย่างนี้แล้วกัน คนสูงอายุกับ คนวัยรุ่นอันไหนเยอะกว่ากัน พวกนายก อบจ. กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อนพี่ทั้งนั้น รุ่นพ่อ (กำนันเป๊าะ) ไม่มีแล้ว บารมีไม่ใช่ถ่ายทอดจากพ่อสู่ลูกได้นะ”

ปั้นกระทรวงแรงงานเกรดเอ

บารมีทางการเมืองของ “สุชาติ” ในบูรพาทิศจึงส่องแสงเรืองรอง เหลือเพียง “พิสูจน์ฝีมือ” ด้านบริหารในตำแหน่ง “จับกัง 1” เจ้ากระทรวงในยุคที่มี “คนตกงานมากที่สุด”

“สนุก ถ้าอยู่แบบไม่มีอะไรก็ไม่สนุก ทำอะไรได้เยอะแยะ ถ้าทำได้มากรู้สึกภูมิใจ มันเหมือนการแก้เกม เหมือนเป็นโค้ชฟุตบอล แก้เกมได้ เอาชนะได้ ชนะเกมนี้ได้ เรามีความสุขนะ”

“คอยดูกระทรวงผมแล้วกัน สักพักกระทรวงแรงงานจะเป็นกระทรวงเศรษฐกิจเบอร์ต้น ๆ ผมจะทำศูนย์อำนวยการแรงงานแห่งชาติให้เป็น big data”