“สมชัย ศรีสุทธิยากร” โพสต์เฟซบุ๊กเฉลย ผู้ประกาศเนชั่นลาออกยกชุด บ่งบอกอะไร?
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีผู้ประกาศข่าวของเนชั่นทีวี ทยอยลาออกหลายคน เริ่มที่ “ปอง-อัญชะลี ไพรีรัก” และ “สันติสุข มะโรงศรี” ตามด้วย “กนก รัตน์วงศ์สกุล” และ ภรรยา “ลักขณา รัตน์วงศ์สกุล” กรรมการบริหาร บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น พร้อมกระแสข่าวต่างๆ มากมาย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
กระทั่ง “ฉาย บุนนาค” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ต้องออกมาแถลงข่าว ระบุว่า เนชั่นทีวีเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 ไม่ได้ขายดาราหรือผู้ประกาศ แต่ขายความน่าเชื่อถือและความจริง ดั่งแสงเทียนนำทางสังคมในยามมืดมิด สะท้อนสังคมที่บิดเบี้ยว โดยไม่เป็นกระจกที่บิดเบี้ยวเอง
ล่าสุด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ความว่า
สัญญานเนชั่น
การลาออกหรือถูกบีบให้ออกของทีมผู้ประกาศยกชุดของเนชั่นบ่งบอกอะไรเรา
นับแต่ 2561 ที่เนชั่นอยู่ภายใต้ผู้ถือหุ้นใหม่ที่มุ่งใช้สื่อตอบประโยชน์ทางการเมือง ทำให้เนชั่นอยู่ในสถานะที่ผู้ชมรายการจัดเป็น “สื่อเลือกข้าง” ไม่ใช่สื่อมวลชน
ผู้ประกาศ ผู้จัดทำรายการต่างๆ ช่วยตอบสนองนายทุน เติมสีสันทั้งส่งเสริมผู้เห็นเหมือน ใส่ร้ายผู้เห็นต่างด้วยความเมามัน เอาใจผู้ชมที่เลือกข้างอย่างชัดเจน
ความไม่เป็นกลางของเนชั่น ทำให้ผู้สื่อข่าวภาคสนามทำงานลำบากยิ่ง ในขณะที่สำนักข่าวอื่นสามารถเข้าถึงใจกลางกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่าย แต่ผู้สื่อข่าวเนชั่น กลับต้องปิดบังซ่อนเร้นตัวเอง
การสนับสนุนจากสปอนเซอร์ต่างๆ เริ่มลดลง ราคาหุ้นที่ในอดีตเคยสูงถึง 3.61 บาท ขณะนี้เหลือเพียง 0.17 บาท พร้อมการเทขายของผู้หุ้นรายใหญ่ 9.9% อย่าง BTS ที่มีมูลค่าถึง 69 ล้านบาท
นายทุนของเนชั่น ที่เห็นค่าของเงินจึงถึงจุดที่ต้องไปฟื้นคืนอุดมการณ์ความเป็น Nation way กลับมา และสิ่งแรกที่ทำคือปรับเปลี่ยนผู้ประกาศตัวร้อนยกทีม ให้เห็นว่า เนชั่นกำลังกลับสู่การเป็นสื่อมวลชน มิใช่สื่อเลือกข้าง
เหล่าผู้ประกาศ ที่เคยเป็นนักรบแนวหน้า มีตราของการเลือกข้างที่มิอาจลบ จึงต้องหาสังกัดกองทัพใหม่ที่พร้อมอ้าแขนรับให้เขาสู่สมรภูมิอีกครั้ง
เพียงครั้งนี้แตกต่างที่ ทุกสถานีสังกัดล้วนประจักษ์ว่าการเลือกข้างผิด ชะตากรรมย่อมคล้ายกันในที่สุด