ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีพักบ้านหลวงของ “ประยุทธ์” ชี้ความเป็นรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยทธ์ ไม่ได้สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ นั่งเก้าอี้นายกฯต่อ
วันที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ องคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาเพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบกับมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
กรณีเข้าบ้านพักทหาร เลขที่ 253/54 ซึ่งตั้งอยู่ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ถ.วิภาวดีรังสิต ต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่งและมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่
- คำต่อคำ มติศาลรัฐธรรมนูญ เอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ “ประยุทธ์” พ้นผิดคดีบ้านพักหลวง
- จาก “ทักษิณ” ถึง “ประยุทธ์” พ้นมลทินซุกหุ้น รอดปมบ้านพักทหาร
ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า บ้านพักของผู้ถูกร้องเปลี่ยนสถานะได้เป็นบ้านรับรองตามระเบียบของกองทัพบอก ที่ว่าด้วยการเขาพักอาศัยในบ้านรับรองของกองทัพบก พ.ศ. 2548 ซึ่งกำหนดให้อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพบกซึ่งทำคุณประโยชน์แก่กองทัพบก และประเทศชาติและเคยดำรง ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และกองทัพสามารถพิจารณาความเหมาะสม ในการสนับสนุนงบประมาณค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำปะปาตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการพักอาศัยตามความจำเป็น และเหมาะสมในการใช้งาน
เมื่อผู้ถูกร้องเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก จึงจำเป็นผู้มีสิทธิในบ้านพักรับรองของกองทัพบก และมีสิทธิ์ได้รับการสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำปะปาตามระเบียบ แม้เป็นนายกรัฐมนตรีพลเรือนก็ไม่มีสิทธิ์พักอาศัยในบ้านรับรองนั้น ประกอบกับการให้สิทธิ์ดังกล่าวแก่ผู้มีสิทธิดังกล่าวให้แก่ผู้มีคุณสมบัติตามระเบียบเป็นธุรกิจตามปกติ โดยถือว่าเป็นสิทธิของบุคคุลอันเนื่องมาจากการดำรงตำแหน่งอดีตผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพบก
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงมีเป็นมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ไม่ให้ตำแหน่งรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่งและมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) และผู้ถูกร้องไม่มีพฤติกรรม อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ไปฏิบัติตามมาตรฐานอันร้ายแรงแต่อย่างใด