โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 7 มีนาคม2564
เป็นการเลือกตั้งซ่อมครั้งสำคัญ
3 ผู้สมัครจาก 3 พรรคร่วมรัฐบาล ต้องโคจรมาพบกันโดยไม่ได้นัดหมาย ได้แก่ 1.นายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช เบอร์ 1 จากพรรคกล้า 2.นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช เบอร์ 4 จากพรรคพลังประชารัฐ และ 3.นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช เบอร์ 3 จากพรรคประชาธิปัตย์
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
ประวิตร ปราศรัยครั้งแรก เลือก “อาญาสิทธิ์” อยู่ดีกินดี
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าว “ปราศรัยครั้งแรก” ที่ตลาดนัดควนหนองหงส์อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 4 นาที ว่า ตนมาในวันนี้ไม่ได้มาปราศรัยแข่งกับใคร ที่มาวันนี้เพราะจะมาบอกความจริงว่าตนรักคนอำเภอชะอวด และตนไม่เคยขึ้นเวทีครั้งใดในชีวิต และไม่เคยคิดเล่นการเมือง แต่พอมาเล่นได้เพียง 2 ปีก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค เป็นการขึ้นเวทีให้ชาวชะอวดเป็นครั้งแรกในชีวิต
จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญมีประชากรเป็นอันดับสอง รัฐบาลเล็งเห็น ความสำคัญและจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลได้ทำทุกเรื่องปาล์ม ยาง ที่ดินทำกิน แก้ปัญหาน้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เจริญรุ่งเรือง ขอฝากชาวชะอวด แม้พรรคพลังประชารัฐจะรวมตัวกันในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งรักใคร่กลมเกลียว และรักประชาชน ทำงานเพื่อประชาชนโดยตรง ตนขอฝากนายอาญาสิทธิ์ และขอให้ลงคะแนนเลือกเบอร์ 4 ในวันที่ 7 มีนาคมนี้
“พรรคพลังประชารัฐใจถึงพึ่งได้ ถึงแม้เราจะเป็นรัฐบาลเพียง 2 ปี แต่ระยะเวลา 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเจริญรุ่งเรือง และมีความผาสุก และขอฝากชาวใต้ทุกคนพรรคพลังประชารัฐจะไม่ทอดทิ้งชาวใต้”
ประชาธิปัตย์ “พรรคคนคอน”
นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยใหญ่บริเวณหลังสถานีรถไฟชะอวด อำเภอชะอวดจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะเดินหน้านโยบายประกันรายได้สวนยาง สวนปาล์มต่อไป มีคนบอกว่าถ้าเลือกผู้สมัครเบอร์ 3 เขาจะเลิกโครงการคนละครึ่ง ขอบอกเลยว่า ถ้าวันที่ 7 มีนาฯประชาธิปัตย์เบอร์ 3 ชนะ คนละครึ่งก็ยังอยู่เหมือนเดิมทุกประการ
“ถ้าเลือกพรรค จุด จุด จุด จุด สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แหลงอย่างนี้แปลว่าลืมประชาธิปัตย์ ลืมภูมิใจไทยไปแล้ว เพราะในวันที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยก็ยกมือให้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ หรือไม่เป็นนายกฯไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งในวันที่ 7 มีนาฯ เพราะไม่ว่าจะเลือกใครก็สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ต่อไปจนกว่าจะกลับบ้าน”
เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ คือ นโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะประชาธิปัตย์เห็นว่ายังไม่มีความเป็นประชาธิปไตยเท่าที่สมควร ประเทศไทยจะเดินไปด้วยระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยด้วยวิธีพิเศษต่อไปเหมือนปัจจุบันต่อไปชั่วฟ้าดินสลายมันไปต่อไม่ได้
ประเทศไทยจำเป็นต้องเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้รัฐบาลทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนได้มากขึ้นและเข้าสู่ความเป็นสากลได้มากขึ้น วันนี้รัฐธรรมนูญผ่านวาระสอง คอยเข้าสู่วาระสาม วันที่ 17-18 และประชาธิปัตย์ยังยืนยันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ลุกลิก โลเลแต่อย่างใดทั้งสิ้น
“มีพรรคเดียวที่เป็นพรรคของคนนครศรีธรรมราช พรรคการเมืองพรรคนั้นคือพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีอดีต ปัจจุบันและอนาคต พรรคบางพรรคมีแต่อดีต พรรคบางพรรคตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนใดคนหนึ่งประสบความสำเร็จเป็นนายกรัฐมนตรี พอจบภารกิจก็ปิดวิก แต่พรรคประชาธิปัตย์อยู่ยั้งยืนยงมาถึงวันนี้ เพราะไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อหนุนคนใดคนหนึ่งไปมีอำนาจชั่วครั้งชั่วคราว แต่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถาบันทางการเมือง และรับใช้คนทั้งประเทศ และพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชตลอดไป”
“กล้า” สร้างการเมืองสร้างสรรค์ – “เลือกแบบเดิม ได้แบบเดิม”
นายกรณ์ จาติกวาณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวปราศรัยใหญ่ในช่วงโค้งสุดท้าย ที่สะพานโค้งร้อยปี อ.ชะอวดนครศรีธรรมราช ว่า ไม่ใช่แค่เดินหน้าหาเสียงเพียงอย่างเดียวเหมือนที่พรรคการเมืองทั่วไปเคยทำมา แต่การเลือกตั้งครั้งซ่อมครั้งนี้อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและคนทั้งประเทศ พรรคกล้าจึงถือโอกาสนี้นำเสนอของดีนครศรีธรรมราชให้เป็นที่รู้จักทั่วประเทศ และเปิดโอกาสให้ประชาชนจาก 4 อำเภอ ขึ้นเวทีสะท้อนปัญหาในพื้นที่ที่ต้องการให้พรรคการเมืองแก้ไข จึงเป็นที่มาของการจัดเวทีปราศรัยแนวใหม่ที่พรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ค่อยได้ทำตนเองได้อยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องเป็นสิบวัน ได้เรียนรู้วิถีชีวิต เข้าใจในความคาดหวัง ความเดือดร้อน และความช่วยเหลือที่ประชาชนต้องการจากพรรคการเมือง
10 กว่าปีที่ผ่านมา การเมืองมีแต่ความขัดแย้ง และมีผู้ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งแต่ประชาชนไม่ได้เคยประโยชน์พรรคกล้าจึงต้องการสร้างการเมืองสร้างสรรค์ เน้นการแก้ปัญหาปากท้อง และมองว่านครศรีธรรมราชเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ มีโอกาสมากมาย แต่ปัญหาคือขาดการใส่ใจ ขาดการบริหารจัดการ ขาดผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และความจริงใจในการแก้ปัญหาและการพัฒนา
“การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ หากเลือกแบบเดิมก็ได้แบบเดิม แต่หากเลือกนายสราวุฒิ สุวรรณรัตน์ จะเป็น ส.ส.คนแรกและคนเดียว พรรคกล้าทั้งพรรคจะต้องทำงานเพื่อเขตนี้ และยังเป็นการส่งสัญญาณว่าชาวนครศรีธรรมราชต้องการการเมืองที่ดีขึ้น ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง และจะกระตุ้นให้พรรคการเมืองเก่าปรับตัว ทำงานเพื่อประชาชน เน้นการลงมือทำเหมือนพรรคกล้า สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์ก็คือประชาชน”
นายกรณ์กล่าวถึงการทำงาน 5 ด้านของพรรคกล้า คือ 1.เศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ช่วยเรื่องการค้าขาย ให้ผู้ประกอบการรายเล็กอยู่ได้ อย่างการเข้าถึงการค้าออนไลน์ รวมถึงการพัฒนาแห่งท่องเที่ยวในพื้นที่
2.ราคาสินค้าเกษตรที่เป็นธรรม โดยยกตัวอย่างลานประมูลยาง อ.ชะอวด มีการรวมตัวกันของชาวสวนยางให้พ่อค้าคนกลางมาประมูลยาง ทำให้ชาวสวนมีอำนาจต่อรองราคา
3.การศึกษา ครูต้องมีเวลากับนักเรียนให้มากขึ้น ไม่ใช่เสียเวลากับงานเอกสารหรือการทำวิทยฐานะ
4.เรื่องคุณภาพชีวิต ที่ยังมีปัญหา บางพื้นที่อยู่ห่างจากเซ็นทรัลนครศรีธรรมราชเพียง 10 กว่ากิโลเมตร แต่ไม่มีน้ำปะปา รวมถึงน่าสนับสนุนโอกาสให้เยาวชนเข้าถึงกีฬา และ 5.เศรษฐกิจสร้างสรรค์ แปลงของดีและแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นโอกาสทำมาหากินให้กับพี่น้องประชาชน
“ผมสัมผัสได้ว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการการเมืองที่ดีขึ้น ต้องการนักการเมืองที่เอาความต้องการของประชาชนเป็นที่ตั้ง และจะสร้างแรงกระเพื่อมไปอีก 7 เขตของนครศรีธรรมราช และทั่วประเทศ หากพรรคกล้าชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ แสดงให้คนทั้งประเทศเห็นว่าพลังบริสุทธิ์เอาชนะได้ กาเบอร์ 1 สราวุฒิ สุวรรณรัตน์ เพื่อช่วยเปลี่ยนแปลงการเมือง”