อ่านจดหมาย “เพนกวิน” เขียนถึง ผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติ

เพนกวินเขียนจดหมายถึงผู้พิพากษา

วันที่ 15 มีนาคม 2564 เพจเฟซบุ๊ก “ราษฎร” ได้แชร์เนื้อหาจดหมายที่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน เขียถึงผู้พิพากษา จาก น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย นักแสดงสาวชื่อดัง เจ้าของฉายา “แม่ยกแห่งชาติ” โดยในจดหมายดังกล่าว เพนกวิน ได้เขียนถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมยืนยันว่าจะขออดอาหาร ไปจนกว่าจะได้สิทธิประกันตัวสู้คดี ข้อความดังนี้…

“ถึงผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติทุกท่าน”

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่โหดร้ายป่าเถื่อนและล้าหลัง ไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ และยังแต่ความเสื่อมเสียให้แก่ประเทศชาติและสถาบันฯ ในสายตาประชาคมโลก กฎหมายมาตราดังกล่าว ตีตราให้การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ เป็นความผิด แม้ว่าข้อความวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง ก็ยังเป็นความผิด และยังมีบทลงโทษรุนแรง จำคุกได้สูงสุดถึง 15 ปี

นับเป็นกฎหมายที่ฝืนต่อกฎแห่งธรรมชาติทั้งปวง พร้อมทั้งกดประชาชนลงเป็นไพร่ทาส ไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียง พูดเพื่อความเป็นธรรมของตน และยังถือเป็นการบีบความคิดและทรมานสิทธิเสรีภาพของคนไทยอย่างทารุณ ไม่ต่างกับการตอกเล็บ บีบขมับ ซึ่งเป็นการลงทัณฑ์ผู้เห็นต่างทางการเมืองในยุคโบราณ

ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังเป็นมะเร็งร้ายที่กัดกินประชาธิปไตยไทยมาโดยตลอด ในช่วงทศวรรษแห่งความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา มาตรา 112 ถูกใช้เป็นอาวุธทิ่มแทง ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลัง พ.ศ.2557 ซึ่งเป็นปีที่เผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา อ้างเหตุแห่งการปกป้องสถาบันฯ ก่อรัฐประหาร ล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตย มีผู้คนหลายร้อยคนที่รักชาติ หวงแหนประชาธิปไตย และกล้าหาญพอที่จะลุกขึ้นต่อต้านระบอบเผด็จการด้วยการพูดความจริง

แต่กลับถูกจองจำในนามของความรักและความดีงาม ที่ห้ามตรวจสอบและตั้งคำถามใด ๆ แม้กระทั่งวันนี้ ในการพิจารณาคดีแห่งนี้ ก็ยังมีประชาชนผู้รักชาติ หวงแหนประชาธิปไตย และไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ ยังถูกจองจำ และถูกปฏิเสธในการประกันตัวไปสู้คดี ทั้งที่ยังไม่ถูกพิพากษาให้มีความผิดตามข้อหาใด ๆ

ข้าพเจ้าขอตั้งคำถาม ต่อท่านผู้พิพากษาผู้ทรงเกียรติว่า ในเมื่อศาลเป็นสถานที่แห่งความจริงที่จะต้องนำความจริงมาพิสูจน์ เหตุใดท่านจึงจองจำความจริงไว้ ไม่ให้ความจริงได้ประกันตัวออกไปพิสูจน์ตนเอง

แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง ไม่ว่าจะอยู่ในกรงขัง ในเครื่องทรมาน หรือที่หลักประหาร ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง ไม่ว่าท่านจะจับข้าพเจ้าไปคุมขังให้เกิดความทุกข์ ทรมานมากเพียงใด ความทุกข์นั้นก็ไม่อาจทำลายความจริงได้ ข้าพเข้าจึงยินดีที่จะรับความทุกข์ทรมานที่พวกท่านจะยัดเยียดให้ และจะยังขอทรมานตนเองเพิ่มด้วย

ดังนั้น นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าจะขออดอาหาร ประทังชีพด้วยน้ำ น้ำหวาน และนมเท่านั้น ไปจนกว่าท่านจะคืนสิทธิให้ประกันตัวสู้คดีให้กับข้าพเจ้า ให้กับผู้ถูกกล่าวหาคดีมาตรา 112 และให้กับผู้ถูกกล่าวหาทางการเมืองทุกคน หรือจนกว่าชีวิตของข้าพเจ้าจะหาไม่

ข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาปลิดชีวิตของตน แต่จะขอทรมานตนเอง เพื่อให้ความทรมานที่เกิดกับข้าพเจ้า เป็นประจักษ์พยานแห่งสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นประกายไฟสะกิดมโนสำนึกของพวกท่าน และเป็นข้อพิสูจน์ว่า ความจริงไม่เกรงกลัวต่อความทุกข์ทรมานใดๆ หากข้าพเจ้าต้องสละชีวิตลง ข้าพเจ้าก็ยินดีสละ เพื่อวันหนึ่งประเทศของเราจะไม่มีกฎหมายมาตรา 112 ไม่มีใครต้องตกเป็นนักโทษทางการเมือง และ 3 ข้อเรียกร้องจะบรรลุเป็นจริง ประเทศไทยจะได้เป็นของคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาค โดยสมบูรณ์

ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ

พริษฐ์ ชิวารักษ์
15 มีนาคม 2564