วัคซีนไฟเซอร์ พร้อมส่งไทยไตรมาส 3 “อนุทิน” ลบคำครหาผูกขาด

อนุทินดีลไฟเซอร์สำเร็จ
REUTERS/Marko Djurica/File Photo

“อนุทิน” ประกาศข่าวดี วัคซีนไฟเซอร์เตรียมส่งไทย 20 ล้านโดส ไตรมาส 3 เป็นต้นไป 

วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์มาให้ประชาชน โดยประเทศไทยจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 10 -20 ล้านโดส ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป เนื้อหาทั้งหมดมีดังนี้

ไฟเซอร์ มาแล้ว ประชุมแผนการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ มาให้ประชาชน ได้ข้อสรุป ประเทศไทย จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 10-20 ล้านโดส เริ่มส่งได้ตั้งแต่ ไตรมาสที่ 3-4 ปีนี้ ความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับ บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย เป็นไปด้วยดี อย.จะอำนวยความสะดวกการขึ้นทะเบียนวัคซีนไฟเซอร์ ให้เร็วที่สุด

ผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น ๆ หากมีความพร้อมด้านการจัดส่งวัคซีนให้ประเทศไทย แบบกำหนดเวลาที่แน่ชัดได้ สามารถติดต่อเข้ามาได้ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมรับข้อเสนอ และพร้อมให้ความร่วมมือ #ไม่ผูกขาดวัคซีน

รายงานข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ระบุว่า นายอนุทิน, นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค, นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการองค์การอาหารและยา, นายแพทย์นคร เปรมศรีผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และ ตัวแทนจากบริษัทไฟเซอร์ ได้ร่วมกันหารือนานกว่า 1 ชั่วโมง

หลังการหารือ นายอนุทิน เผยว่า วันนี้ได้มาพูดคุยร่วมกันเพื่อพิจารณาข้อตกลงเบื้องต้นระหว่าง 2 ฝ่าย หากยอมรับเงื่อนไขระหว่างกัน ทั้งนี้ ได้ขอให้ไฟเซอร์นำวัคซีนมาขึ้นทะเบียนกับไทยด้วย แต่ทางผู้ผลิตยืนยันว่า จะมีการนำมาขึ้นทะเบียนภายหลังบรรลุข้อตกลงร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไฟเซอร์ยืนยันว่าการหารือ ณ ขณะนี้จะทำกับฝ่ายรัฐเท่านั้น จากนั้นจะพิจารณาเรื่องการพูดคุยกับเอกชน แต่ต้องให้ภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวก

ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทไฟเซอร์ เพราะ มีข้อมูลจากทางบริษัท เปิดเผยว่าสามารถให้บริการกับเยาวชนอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ นอกจากนั้น ยังได้รับการยืนยันว่า การเก็บรักษา สามารถใช้อุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ เพียงแต่ระยะเวลาการเก็บรักษาจะสั้นลง ซึ่งหากบรรลุข้อตกลงร่วมกัน การได้วัคซีนจากไฟเซอร์ จะทำให้ไทยสามารถบริการแก่เยาวชน ครอบคลุมจำนวนผู้ได้รับวัคซีนมากขึ้น

เมื่อไฟเซอร์มาขอขึ้นทะเบียน ทาง อย.ให้ความมั่นใจว่าจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด ขอย้ำว่า ภาครัฐไม่เคยเตะถ่วงเรื่องการจัดหา และบริการวัคซีน ที่ผ่านมา ผลักดันให้เกิดการนำเข้าวัคซีนอยู่ตลอด และได้มีการเดินหน้าให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ทางจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และ กระทรวงฯ ได้หารือเรื่อง การใช้พื้นที่ของจุฬาฯ เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนให้นักศึกษาและบุคลากรของสถาบัน ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมสนับสนุน ผลักดันการให้บริการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีมีผู้แทนจากบริษัทไฟเซอร์มาหารือว่า เราหารือกับทุกเจ้า ไฟเซอร์ก็เป็นการหารือถึงเรื่องของการจัดหาวัคซีนโควิด ว่าจะสามารถร่นเวลาการส่งให้เร็วกว่าที่เคยเจรจากันได้หรือไม่ ซึ่งวันนี้ไม่มีเจ้าไหนที่สามารถส่งให้ได้ใน พ.ค.นี้ มีเพียงซิโนแวคเท่านั้น แต่ก็ยังเจรจากันต่อ

“ถ้าเขามีวัคซีนมาและเงื่อนไขอยู่ในสิ่งที่เรารับได้ ก็พร้อมจะซื้อ เพราะหลายคนก็บอกว่าเราควรมีวัคซีนทางเลือก วัคซีนสำรอง จึงเจรจาอยู่ ส่วนวัคซีนหลักคือแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทย ตอนนี้เป็นไปตามกำหนดการที่ตกลงกันไว้ในสัญญาจัดซื้อจัดหา และจากรายงานจากผู้ที่เกี่ยวข้องที่ติดตามสายการผลิตของแอสตร้าฯ ทุกสายยังยืนยันว่าคุณภาพผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดทุกประการ” นายอนุทินกล่าวและว่า

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยในวันเดียวกันว่า สถาบันวัคซีนได้หารือกับบริษัทไฟเซอร์ มีความเป็นไปได้ว่าจะจัดส่งในช่วงเดือนกรกฎาคม จำนวน 5-10 ล้านโดส ขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบเสนอราคาและเงื่อนไข นอกจากนี้ยังมีวัคซีนอีกหลายยี่ห้อ แต่ตนไม่อยากพูดล่วงหน้า เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการติดต่อ ย้ำว่า “รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ”