ประยุทธ์รับมอบวัคซีนบริจาค ไฟเซอร์-แอสตร้าเซนเนก้า จาก 2 ประเทศ

ประยุทธ์ รับมอบวัคซีนบริจาค
ภาพจาก ข่าวสด

ประยุทธ์รับมอบวัคซีนลอตบริจาค ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส แอสตร้าฯ อีก 4.15 แสนโดส จากรัฐบาลสหรัฐ และสหราชอาณาจักร

วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ข่าวสด รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยมีนายไมเคิล ฮีธ (Mr. Michael Heath) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ ที่ได้สนับสนุนวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมิตรแท้และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนานกว่า 188 ปี รวมถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย-อเมริกา ที่ต้องการจะแก้ไขสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ร่วมกัน

ภาพจาก ข่าวสด

พร้อมขอบคุณ นางแทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ได้ผลักดันและสนับสนุนให้ไทยได้รับวัคซีนเพิ่มเติมอีกจำนวน 1 ล้านโดส โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณรัฐบาลสหรัฐ ที่ดูแลคนไทยและผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจในสหรัฐเป็นอย่างดี พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะนำวัคซีนทั้งหมดไปบริหารจัดการอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนคนไทยต่อไป

นายไมเคิล ฮีธ อุปทูตสหรัฐกล่าวว่า ทางสหรัฐมีความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในพิธีส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ในวันนี้ และภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับไทยในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อุปทูตสหรัฐยังยินดีที่ไทยและสหรัฐอเมริกามีความสัมพันธ์ที่ยาวนาน และความร่วมมือครอบคลุมทุกมิติ ทั้งความมั่นคง สาธารณสุข และเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ เป็นระยะเวลาอันยาวนานที่ไทยและอเมริกา มีความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข และการพัฒนาวัคซีนร่วมกันเพื่อป้องกันโรคระบาด การส่งมอบวัคซีนวันนี้นับเป็นการยกระดับความร่วมมือดังกล่าวให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้ อุปทูตสหรัฐยังกล่าวขอบคุณรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ดูแลประชาชนชาวสหรัฐในไทยเป็นอย่างดีในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมหวังว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของไทยจะคลี่คลาย

ภาพจาก ข่าวสด

ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค (Pfizer-BioNTech) จำนวน 1,503,450 โดส ได้จัดส่งถึงไทยแล้วเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564

ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีรับมอบวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 จากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยมี นายเอวาน โจนส์ (H.E. Mr. Evan Jones) อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสหราชอาณาจักรเข้าร่วมพิธี

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในมิตรไมตรีและความห่วงใยของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ผ่านการสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 415,040 โดส เพื่อร่วมกันก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า การสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 ของสหราชอาณาจักรจะสนับสนุนช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคง

โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ สหราชอาณาจักรเป็นต้นแบบในด้านการบริหารการกระจายวัคซีน ซึ่งสามารถจัดวัคซีนให้ประชาชนได้จำนวนมาก ทั้งนี้ เชื่อมั่นในความสัมพันธ์ของไทย-สหราชอาณาจักร ที่จะร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคและก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปพร้อมกัน

ซึ่งในวันพรุ่งนี้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 415,040 โดส จะเดินทางถึงประเทศไทย ตามนโยบายของสหราชอาณาจักรที่ประสงค์บริจาควัคซีนให้แก่มิตรประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือ

ภาพจาก ข่าวสด

สหรัฐชี้ อำนาจบริหารไฟเซอร์ อยู่ที่รัฐบาลไทยจัดการ

วันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้มีการแถลงข่าวออนไลน์ว่าการบริจาควัคซีนไฟเซอร์ดังกล่าว ทางสหรัฐไม่ได้มีอำนาจหรือบทบาทควบคุมการกระจายวัคซีนภายในประเทศไทย และทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลไทยในการกระจายวัคซีนเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ซึ่งทางรัฐบาลไทยเคยกล่าวแล้วว่า จะเน้นการจัดสรรวัคซีนไปยังกลุ่มเสี่ยง อย่างบุคลากรด่านหน้า เช่น แพทย์ พยาบาล อาสาสมัคร บุคลากรทางการแพทย์อื่น ๆ รวมทั้งผู้สูงวัย ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้า

สธ.เปิดแผนกระจายไฟเซอร์

วันที่ 30 กรกฎาคม นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดแผนกระจายวัคซีนไฟเซอร์ในเดือน สิงหาคม นี้ โดยฉีดให้ 4 กลุ่มหลัก ดังนี้ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ดูแลผู้ป่วยโควิดโดยตรง เป็นบูสเตอร์โดสเข็มที่ 3 จำนวน 700,000 โดส

2.กลุ่มเปราะบาง เฉพาะ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ, กลุ่ม 7 โรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และคนท้อง 12 สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน 645,000 โดส

3.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เป็นกลุ่มสูงอายุ, 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และคนท้อง 12 สัปดาห์ ไปจนถึงคนไทยที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องฉีดไฟเซอร์ เช่น นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น จำนวน 150,000 โดส

4.ทำการศึกษาวิจัย โดยการอนุมัติของคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม จำนวน 5,000 โดส

หมอด่านหน้าฉีด แอสตร้าฯ เข็ม 2-3 โดนตัดสิทธิ์ไฟเซอร์ลอตแรก

วันนี้ (2 ส.ค.) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยระบุว่า วานนี้ (1 ส.ค.) ได้มีการประชุมของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคครั้งที่ 4 โดยมีเกณฑ์พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ในบุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ดังต่อไปนี้

  1. ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม พิจารณาให้ไฟเซอร์ 1 เข็ม
  2. ผู้ที่ได้รับวัคซีนใด ๆ มาแล้วเพียง 1 เข็ม พิจารณาให้ไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยการเว้นระยะจะเป็นไปตามชนิดของวัคซีนเข็มที่ 1
  3. ผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนใด ๆ มาก่อน พิจารณาให้ไฟเซอร์ 2 เข็ม
  4. ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และยังไม่เคยได้รับวัคซีนพิจารณาให้ไฟเซอร์ 1 เข็ม หลังจากหายป่วยแล้ว 1 เดือน

สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เข้าเกณฑ์ได้รับไฟเซอร์ มีดังนี้

  1. ผู้ที่ได้รับวัคซีนสลับยี่ห้อ คือ ซิโนแวค 1 เข็ม และแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม
  2. ผู้ที่ได้รับแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม
  3. ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม และกระตุ้นด้วยแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม