เพจสถานทูตสหรัฐเผยภาพวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่สหรัฐบริจาค มาถึงประเทศไทยแล้ว
วันที่ 30 กรกฎาคม 2564 สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เผยผ่านเฟซบุ๊กว่า U.S. Embassy Bangkok ได้ส่งวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่บริจาคโดยสหรัฐเดินทางถึงไทยแล้ว โดยสามารถติดตามความคืบหน้าของการส่งมอบตลอดทั้งวันนี้
- ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด นราธร-อุรัชนา ศรีชาพันธุ์ ถูกฟ้องล้มละลาย
- เปิดเกณฑ์แจกเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท เช็กขั้นตอนรับเงิน
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สูงอายุรับ 900 บาท เริ่มโอนแล้ว เช็กรายละเอียด
ขณะที่ข่าวสดรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปรับวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้แก่ประเทศไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิ รวมถึงเขาไปตรวจสอบสถานที่ส่งเข้าเก็บคลังจัดเก็บวัคซีนด้วยตัวเอง ก่อนที่วัคซีนจะถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บในคลังเก็บวัคซีน ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส
เนื่องด้วยวัคซีนไฟเซอร์ต้องผสมการฉีดร่วมกับน้ำเกลือ เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเข้มข้น 1 ขวด ฉีดได้ 6 คน และเมื่อกระจายไปจุดฉีดจะเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้วัคซีนมีอายุสั้นลง จึงต้องเร่งฉีดภายใน 4 สัปดาห์
มาอีก 1 ล้านโดส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 พันโทหญิงลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐ เชื้อสายไทย เปิดเผยผ่านงานเสวนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ “U.S. and Thailand Perspectives on Geostrategic Landscape and Regional Architecture” จัดโดยสถาบัน East-West Center ในกรุงวอชิงตันและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ว่า มีเป้าหมายที่จะบริจาควัคซีนโควิด-19 ให้กับไทย รวม 2.5 ล้านโดส โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
แผนกระจายวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส
จากนั้นกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการจัดสรรไปยังกลุ่มเป้าหมายเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2564 ดังนี้
- บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (เข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จำนวน 700,000 โดส
- ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสัญชาติไทย จำนวน 645,000 โดส
- ผู้สูงอายุ
- ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค อายุ 12 ปีขึ้นไป
- หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป
- ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ และโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้เดินทางไปต่างประเทศ ที่จำเป็นต้องรับวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักการทูต นักศึกษา จำนวน 150,000 โดส
- ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน 5,000 โดส
- สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ จำนวน 40,000 โดส
ต้องผสมน้ำเกลือ
วันที่ 29 กรกฎาคม นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เมื่อวัคซีนมาถึงแล้ว วัคซีนนี้ต้องเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส แล้วจึงขนส่งไปในจุดเก็บ และจุดที่จะฉีดให้กับประชาชน ในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
โดยเมื่อจะใช้วัคซีนไฟเซอร์ เจ้าหน้าที่ต้องผสมน้ำเกลือลงไป และวัคซีนนี้อยู่ได้ในเวลาที่จำกัด โดยจะมีการสอนวิธีผสมวัคซีนต่อไป โดยวัคซีนไฟเซอร์นี้ 1 ขวด สามารถฉีดได้ 6 คน อย่างไรก็ตาม เมื่อวัคซีนไฟเซอร์ถึงประเทศไทย จะมีการกำหนดแบ่งกลุ่มลงไปฉีด ซึ่งหลักเบื้องต้น ศบค.มีการหารือได้จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว