ราชกิจจาฯ ประกาศ ประยุทธ์ คืนอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับ

ราชกิจจานุเบกษา-ประกาศราชกิจจาฯ

ราชกิจจานุเบกษา ออกประกาศ 3 ฉบับรวด ขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายกฯคืนอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับให้รัฐมนตรี และประกาศคลายล็อกกิจการ กิจกรรม ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 4 ทุ่มถึง ตึ 4 มีผลบังคับใช้ 1 ตุลาคม 2564 นี้

วันที่ 29 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 14 ) มีใจความว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในห้วงเวลาที่ผ่านมา แม้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ตามเป้าหมายและมีการกระจาย ยารักษาโรคได้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ทว่ายังต้องควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด -19 อย่างต่อเนื่อง จึงขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศต่อไป จนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

คลิกอ่านประกาศฉบับเต็มที่

ขณะเดียวกันราชกิจจานุเบกษาอีกฉบับได้ เผยแพร่ประกาศ เรื่อง ยกเลิกการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

ประกาศฉบับดังกล่าวระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง

ต่อมามีประกาศอีกฉบับ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมาย เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564 โอนอำนาจหน้าที่ ของรัฐมนตรีหรือผู้รักษาการตามกฎหมาย รวม 31 ฉบับ มาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เพื่อให้การสั่งการและการแก้ไขสถานการณ์เป็นไปโดยมีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นั้น

เพื่อให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายที่ได้โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามหน้าที่ อำนาจและความรับผิดชอบปกติ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564 ให้ยกเลิกประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564

อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงานใดมีข้อขัดข้องหรือไม่ได้รับ ความร่วมมือในการประสานงานหรือในการปฏิบัติหน้าที่ให้รายงานนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีทราบ เป็นการด่วน

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป

คลิกอ่านประกาศฉบับเต็มที่นี่

นอกจากนี้ยังมีประกาศอีกฉบับ เรื่องข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 34)

ทั้งนี้ประกาศฉบับดังกล่าวมีสะระสำคัญตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้าได้แก่

1.การกำหนดพื้นที่สถานการณ์จำแนกตามเขตพื้นที่จังหวัด
2.การปรับเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
3.การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
4.การปรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หลักๆ ได้แก่

  • ห้ามออกนอกเคหสถาน เวลา 22.00-04.00 น. อย่างน้อย 15 วัน
  • ห้ามรวมคนมากกว่า 25 คน
  • บริโภคในร้านอาหารได้ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งได้ 75% มีเครื่องปรับอากาศ นั่งได้ 50% เล่นดนตรีได้ เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. (งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร)
  • ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. (งดตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก สวนน้ำ และห้องประชุม/จัดเลี้ยง)
  • ร้านเสริมสวย ร้านนวด สปา สถานเสริมความงาม เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. ยกเว้นการใช้ไอน้ำ
  • สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคารสถานที่ กิจกรรมที่มีการรวมคน ให้ผ่านความเห็นชอบจากผู้แทน ก.ศธ. และ ก.อว. ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.

5. การเตรียมการเปิดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว

คลิกอ่านประกาศฉบับเต็มที่