ประยุทธ์ เดือด แก้ปัญหาชาวนาแบบฉาบฉวย จ่อตั้งบอร์ดแก้จน นั่งประธานเอง

ประยุทธ์ เดือด แก้ปัญหาชาวนาแบบแคะ ๆ แกะ ๆ จ่อ ตั้งคณะกรรมการแก้ความยากจน ส่งข้าราชการ ปูพรม เคาะประตูทุกบ้านเก็บข้อมูลคนจน ปัด ไม่ใช่การเมือง

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ที่มหาวิทยาวัยหอการค้าไทย วิภาวดีรังสิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 ตอนหนึ่งว่า ว่า หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีต้องลงรายละเอียดบ้าง แต่จะไม่ลงไปก้าวล่วงอำนาจของรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อน เป็นเพื่อนร่วมงาน ด้วยความหวังดี กรุงเทพมหานครก็เช่นกัน เป็นการปกครองแบบพิเศษ แต่คุยกันได้ ในทางสร้างสรรค์ เช่น เรื่องระบายน้ำจะแก้ปัญหาอย่างไร 

“เรื่องการแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ซึ่งวันนี้เรากำลังตั้งคณะกรรมการ โดยหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เป็นแกน ร่วมมือกับหลายกระทรวง คำที่ผมบอกว่า 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือน ผมไม่ได้หมายความว่าไอ้คนนี้จะไปแก้ปัญหาให้ประชาชน มันจะแก้ได้ยังไง

ผมใช้คำว่า นั่นคือ ข้าราชการ ข้าราชการต้องรู้กฎเกณฑ์ กติกา รู้หลักการว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ และไปคุยกับเขา และไปเก็บข้อมูลกับเขามา แล้วมาส่งให้กับคณะทำงานตรงนี้ เพื่อทำงานให้สอดคล้องกับสภาพัฒน์และกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ หลายกระทรวง ไปแก้กัน เพียงแต่ไปเดิน ไปเยี่ยมเขา ไม่ได้ทำการเมือง ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศอื่นก็ทำกันแบบนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครไปคุยกับประชาชน นาน ๆ จะเจอข้าราชการสักที เพราะประชาชนทำงานในพื้นที่ห่างไกล ขาดการติดต่อสื่อสาร ทำให้เกิดความเข้าใจไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่เกิดการพัฒนา เรียนรู้ไปด้วยกัน เข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ 

“ดูแคะ ๆ แกะดูอย่างเดียว ชาวไร่ชาวนามีความเดือดร้อนมาก เราคาดหวังที่จะให้เขาแปรรูป จะโน่น จะนี่ อะไรต่าง ๆ จากผลผลิตที่เขามี แต่ถามว่าเราลดราคาต้นทุนเขาได้มากน้อยเพียงใด ถ้าไปแก้ปลายทางก็พันกันอยู่แบบนี้ ผมไม่ได้ว่า ไม่ดี เพราะประชาชนได้ประโยชน์ แต่ต้องได้ประโยชน์มากกว่านี้หรือไม่ แล้วลดการใช้จ่ายงบประมาณที่จะต้องไปอุดหนุนได้หรือไม่ ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์พืช ค่าเช่าที่ดิน มันเกิดราคาที่กำหนดหรือเปล่า ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืช ค่าการตลาด ปลูกข้าวและก็ขายข้าวใช่ไหม”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้หารือกับพล.อ.อนุพงษ์ว่าจะจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือ (เครื่องจักร) ให้กับชาวนาได้อย่างไร โดยเฉพาะเกษตรแปลงใหญ่ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ เกษตรแปลงเล็ก เรามีครอบครัวทำไร่ทำนากว่า 20 กว่าล้านครัวเรือน แต่จีดีพีที่ออกมาจากสัดส่วนภาคการเกษตรน้อย 

“วันหน้าจะอยู่ยังไง ในเมื่อเราเป็นประเทศเกษตรกรรม เราจะต้องเพิ่มมูลค่าเกษตรอย่างไร ค่าใช้จ่ายในการประกันราคา ทำยังไงที่เราจะไม่ใช้เงินประกันราคา ใช้เงินส่วนหนึ่งไปดูต้นทาง แล้วไปทางแข่งขันกับตลาดให้ได้ ลดราคาในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ ข้าวพันธุ์ใหม่ทำได้ไหม”