
“ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ส.ส.อุตรดิตถ์ อัพเกรดเวอร์ชั่น จาก “ส.ส.งูเห่า” ขยับเป็น “หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ”
ภายหลังที่ประชุมวิสามัญพรรคเพื่อชาติ ครั้งที่ 1/2564 ห้องประชุมสนามฟุตบอล ลีโอเชียงรายเรเดียม อ.เมือง จ.เชียงราย ที่ประชุมได้มีมติเลือกให้เขานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อชาติคนที่ 3 โดยมี “สงคราม กิจเลิศไพโรจน์” เป็นประธานที่ปรึกษาและประธานยุทธศาสตร์พรรค
เพียง 11 วัน หลังจาก “ศรัณย์วุฒิ” เซ็นชื่อเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อชาติ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นผลจากการที่เขาถูกขับออกจากพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564
จากข้อหา มีพฤติการณ์กล่าวหาพรรคเพื่อไทย และผู้บริหารของพรรคเพื่อไทย ด้วยการแถลงต่อสื่อมวลชนหลายครั้งติดต่อกัน อันมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพรรค เป็นการทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพรรค ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 ข้อ 19 (3) และ (8) และเป็นการกระทำผิดวินัยและจริยธรรมของการเป็นสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคข้อ 113 (3) และ (5)
และก่อนหน้านี้เขายังถูกเมาธ์ลับหลังว่า ผูกโยงกับพรรคใหม่ของ “บิ๊กฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกหมายมั่นให้ตั้งพรรคการเมืองเป็นพรรคสำรอง ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
หลังมติขับออกจากพรรคเพื่อไทย 15 ตุลาคม 2564 “ศรัณย์วุฒิ” เปิดหน้าท้าชนกลุ่มการเมืองในพรรคเพื่อไทย ที่กุมอำนาจอยู่ว่าเป็น “ปีศาจในห้องแอร์” ที่ทำให้เขาต้องถูกเขี่ยพ้นพรรค
วันนั้น ศรัณย์วุฒิ “ลับ – ลวง – พราง” บอกชื่อพรรคในใจที่อยากไปอยู่แทนพรรคเพื่อไทย ว่ามี 3 พรรค คือ พรรคเสรีรวมไทย พลังธรรมใหม่ หรือพลังปวงชนไทย
ทั้งที่ นักเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยก็รู้ว่า “ศรัณย์วุฒิ” แนบแน่นกับพรรคเพื่อชาติ โดยเฉพาะ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” สปอนเซอร์ใหญ่พรรคเพื่อชาติ
เขาลงพื้นที่ทั้งงานราษฎร์ – งานการเมือง เป็นเงาตามตัวของ “ยงยุทธ” มาแต่ไหนแต่ไร สื่อมวลชนก็ลงข่าวของเขาที่ลงพื้นที่กับ “ยงยุทธ” หลายต่อหลายครั้ง
10 พฤศจิกายน ก่อนเส้นตายที่จะต้องหาพรรคใหม่อยู่ “ศรัณย์วุฒิ” ก็สวมเสื้อคลุมพรรคเพื่อชาติ
21 พฤศจิกายน เขาก็ได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เป็นคนที่ 3 ต่อจาก นางศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ และนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์
ศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ขอบคุณสมาชิกพรรค และผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อชาติที่ให้โอกาสตนทำหน้าที่หัวหน้าพรรค เนื่องจากสมัครเป็นสมาชิกพรรคเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 10 วัน สมาชิกให้ความไว้วางใจทำหน้าที่หัวหน้า หลังจากถูกขับออกจากพรรคเพื่อไทย
การเลือกพรรคเพื่อชาติ ตนแสดงให้เห็นแล้วว่าเลือกประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการ ไม่ใช่งูเห่า ไม่ได้รับกล้วย และจากนี้การทำหน้าที่ในสภา ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ไม่ได้มีใครมากดดัน จะทำหน้าที่ ส.ส.ของปวงชนชาวไทย ส่วนด้านการบริหารพรรคเพื่อชาตินั้นมีการเตรียมนโยบาย การสู้ศึกเลือกตั้ง นำพรรคเพื่อชาติ เพื่อประชาชน
“เราอยู่ด้วยกันแล้วเราต้องมีอนาคตสดใส พรรคเพื่อชาติต้องยิ่งใหญ่ พรรคเพื่อชาติต้องเจริญรุ่งเรือง พรรคเพื่อชาติต้องเป็นตัวแปรจัดตั้งรัฐบาล และทุกครั้งที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติจะต้องชนะแบบแลนด์สไลด์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”