ประวัติ พล.ต.ท.ชาญเทพ เลขาธิการพรรคไทยภักดีคนแรก

พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช

หมอวรงค์-หัวหน้าพรรคไทยภักดี เปิดตัว “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีต ผบช.น. เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กแป๊ะ” ทีมงานถาวร เสนเนียม ชีวิตเส้นทางสีกากีโลดโผนโจนทะยาน ทรัพย์สินอู้ฟู่ 282 ล้าน

วันที่ 3 มกราคม 2565 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 พรรคไทยภักดี มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2565 โดยที่ประชุมมีมติเลือกพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคไทยภักดี นอกจากนี้ยังเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร คือ นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ และผู้ที่จะทำหน้าที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ คือ นายทินกร ปลอดภัย (อดีตทีมงานของนายถาวร เสนเนียม อดีตรัฐมนตรี)

สำหรับประวัติของ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ในแวดวงตำรวจเรียกเขาว่า “บิ๊กหยม” เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล-อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จบโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 (นรต.36) เป็นนักกีฬารักบี้ และ “เพื่อนร่วมรุ่น” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งขณะนี้ทำงานเป็นมือขวาข้างกาย “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

พล.ต.ท.ชาญเทพ ได้รับความไว้วางใจสางปัญหาการทุจริต “สายการบินแห่งชาติ” ให้เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารกิจการ บริษัทและปัญหาการทุจริต บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในยุคที่มี “ถาวร เสนเนียม” เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

ชีวิตราชการ-เส้นทางในวงการสีกากี “บิ๊กหยม” เป็นนายตำรวจได้ทั้งสายบู๊-สายบุ๋น ไต่เต้าจากรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช รองสารวัตรแผนก 3 กองกำกับการสืบสวนสอบสวนนครบาลพระนครเหนือ สืบสวนคดีสำคัญ อาทิ คดีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์กลุ่มวินัย แสงจันทร์ คดีจับตายลูกน้องตี๋ใหญ่คนสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม ชีวิตนายตำรวจสัญญาบัตร-ยศ ร.ท. ต้องถูกโยกมาเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ก่อนจะขอย้ายมาเป็นรองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรตำบลทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และได้ขึ้นเป็นสารวัตรสถานีตำรวจภูธรตำบลฉลุง อำเภอเมืองพัทลุง

ก่อนจะย้ายกลับมาเป็นสารวัตรแผนกประวัติและจัดกำลัง กองกำกับการกำลังพล กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นสารวัตรแผนก 2 กองกำกับการ 1 กองปราบปราม และสารวัตรแผนก 5 กองกำกับการ 1 กองปราบปราม

ไปเป็น รองผู้กำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจรถไฟ รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจป่าไม้ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจป่าไม้ ผู้กำกับการกลุ่มงานสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดนย้ายเป็นผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจน้ำ-รองหัวหน้าชุดปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด

ชีวิตข้าราชการตำรวจของ “พล.ต.ท.ชาญเทพ” ขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นรองผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ย้ายเป็นรองผู้บังคับการหัวหน้าศูนย์สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 รองผู้บังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ และติดยศนายพลในตำแหน่งผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี และผู้บังคับการตำรวจน้ำ

ต่อมาปี 2553 เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล จากนั้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มือทำงานเบื้องหลังปิดคดีระเบิดศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตามลำดับ ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดบนเก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560

เข้าสู่วงโคจรอำนาจทางการเมืองจากตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559

พล.ต.ท.ชาญเทพ แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง สนช. เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ดังนี้

มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 128,284,977 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 60,972,977 บาท เงินลงทุน 2,000 บาท ที่ดิน 47 ล้านบาท รถยนต์ 3 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 17,310,000 บาท ไม่มีหนี้สิน

นางดารณี เสสะเวช คู่สมรส มีทรัพย์สิน 113,137,391 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 31,136,391 บาท เงินลงทุน 2,000 บาท ที่ดิน 25 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 25,350,000 บาท ยานพาหนะ 11.7 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 19,950,000 บาท ไม่มีหนี้สิน

บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 41,216,506 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 1,216,506 บาท ที่ดิน 20 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 20 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน

“พล.ต.ท.ชาญเทพ” บันทึกความใฝ่ฝันหลังเกษียณไว้ใน คอลัมน์ “โสมชบา” แห่งไทยรัฐ ว่า ชีวิตหลังเกษียณจะไปทำสวนทำไร่ บนเนื้อที่ 50 ไร่ กลางเขาใหญ่ ชื่อไร่ “ชาญดา” แต่เมื่อต้องมาทีมงาน-ช่วยงาน “ทีมถาวร” จึงต้องสละเวลา 5 วันทำงานที่กรุงเทพฯ แบ่งเวลาเสาร์-อาทิตย์ ถอดสูท-เก็บไท้ สวมบทชาวไร่-ชาวสวนกับคู่ชีวิต

ตลอดชีวิตข้าราชการตำรวจของ “พล.ต.ท.ชาญเวช” โลดโผนโจนทะยาน ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมืองเต็มตัวในตำแหน่งเลขาธิการพรรคไทยภักดี