โทนี่ – ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกกล่าวหาว่าครอบงำพรรคเพื่อไทย ขอจะกลับบ้านอีกครั้ง ประหนึ่งพูดเป็นรอบที่ล้าน
ในการพูดคุยกับ CARE Talk x CARE Club House ในตอน “ถอดบทเรียนสึนามิเพื่อกู้วิกฤติโควิด ประเทศจะรอดผู้นำต้องฉลาดจริงไหม?” ที่จัดอังคาร เว้น อังคาร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 มกราคม 2565
“พี่โทนี่” หรือ นายกฯ ทักษิณ ของ ส.ส.เพื่อไทย เปิดประเด็น “กลับบ้าน” ด้วยการให้กำลังใจคนไทยในปี 2565 ว่า
“ในปี 2565 ขอให้คนไทยใช้ความอดทนใน 1 ปีที่ผ่านมา เป็นจุดแข็งให้ อดทนต่อไปปีครึ่งปี แล้วเตรียมตัวให้ดีตั้งแต่วันนี้ เพราะผมเชื่อว่าครึ่งปีหลัง ถ้าเศรษฐกิจฟื้นท่านจะมีโอกาสได้ประโยชน์นี้อย่างไร”
“ส่วนตัวอยากอวยพร แต่ไม่รู้อวยพร หรือเป็นการสาปแช่งคนที่ไม่ชอบหน้าตนหรือเปล่า เพราะจะขออวยพรให้ผมได้กลับบ้าน ให้ไปช่วยงาน เพราะส่วนตัว อยากเลี้ยงหลาน เวลาที่เหลือ ใครเป็นรัฐบาลก็ช่าง ถ้าอยากให้ช่วยคิดแก้ปัญหาให้ ผมพร้อมไม่คิดตังค์ รับจ้างบรรยายให้โอเลี้ยงแก้วหนึ่งก็พอ”
“แล้วจะไปชวนบรรดาเศรษฐีในเมืองไทย มาร่วมลงขันส่งเสริมทำสตาร์ทอัพ เพราะวันนี้กลัวเขาถูกกลืน มาลงขัน เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ ใครมีไอเดียอะไรถ้าไม่ได้เรื่องให้ไปทำมาใหม่ ถ้าได้เรื่องได้ตังค์ไป และ จะทำแอปพลิเคชั่น ช่วยชาวบ้าน ให้แท็กซี่ ให้คนหางาน และช่วยเหลือโฮมสเตย์ ทำพวกนี้เล่น ๆ สนุกช่วยให้คนจนให้มีแพลตฟอร์ม ไม่ใช่ให้ต่างประเทศมาเสียบเรา”
“พี่โทนี่” ยืนยันว่า กลับไปรอบนี้จะกลับไปแบบ “สันติ”
“อะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ ผมปวารณาตลอด ในเรื่องของพุทธศาสนา ผมอยากเห็นศาสนาเราเข้มแข็ง วันนี้ค่อนข้างจะเป๋ ผมอยากช่วย คนด่าผมไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว ผมไม่ด่ากลับหรอก ผมจะกลับไปอย่างสันติ ผมจะเปลี่ยนชื่อเป็นสันติก็ยังไงอยู่”
“แต่ให้รู้ว่า กลับไปไม่เป็นปัญหากับคนไทยแน่ แต่จะเป็นประโยชน์ จะให้ไปชนกับผู้นำประเทศไหน เจรจาทางลับทำได้หมด ผมมีน้ำยา สั่งกินบ่อย สัปปะรดก็มี ทั้งน้ำยาสัปปะรดพร้อม ก็หวังว่าปีนี้ 65 ผมจะเป็นของขวัญให้คนไทย กลับไปรับใช้คนไทย”
“ทักษิณ” บอกว่าวัตถุประสงค์ว่าอจะกลับไปเป็นเพื่อนตีกอล์ฟกับ “ลุงตู่” ส่วนจะกลับบ้านเมื่อไหร่ จะกระซิบ “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาว ที่ถูกวางตัวเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ในอนาคต ของพรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียว
“ยืนยันไม่เป็นภาระแน่นอน ผมจะไปเลี้ยงหลาน ซึ่งเป็นเจนอัลฟ่า เพื่อไปบอกเขาว่า จะต้องเจออะไรบ้าง แล้วก็จะเผื่อแพ่ให้ลูกหลานคนเจนนี้ด้วย แล้วจะกลับไปเป็นเพื่อนตีกอล์ฟกับคุณประยุทธ์ได้ แม้จะตีไม่เก่งเท่าก็ตาม ส่วนจะไปเมื่อไหร่ ช่วงไหนของ ผมจะกระซิบน้องอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร คนเดียว ให้เป็นคนบอกต่อ“
ในเวทีเดียวกัน “ทักษิณ” ยังเสนอแนะรัฐบาลว่าอย่าตระหนกกับโควิด-19 โอไมครอนจนเกินไปนัก เพราะมันอ่อนกว่า “ไข้หวัด” ใช้โอกาสช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 เป็นจุดยูเทิร์นประเทศ
พร้อมเสนอไอเดียที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่กล้าทำ เมื่อถูกถามถึงเรื่อง รัฐบาลเตรียมจะพิจารณายกเลิก “Test and go” โดยไม่มองมิติทางเศรษฐกิจเลย
“ทักษิณ” ตอบว่า ถ้าให้รองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ดูแลเศรษฐกิจ และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แล้วก็ให้รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดูแลงานด้านสาธารณสุข แบบลองไขว้กันดู แล้วเขาจะเห็นใจซึ่งกันและกันมาก จะทำให้แก้ปัญหาร่วมกันได้ดี วันนี้คุณอนุทินรู้เรื่องเศรษฐกิจดี โธ่ เป็นนักธุรกิจมาทำไมจะไม่รู้ เพียงแต่ไม่ได้คุมเรื่องเศรษฐกิจ เขามุ่งสู่เป้าหมายขององค์กรตัวเองเป็นหลัก แต่องค์กรใหญ่เดือดร้อน
“ถ้าฟังผมดี ๆ คิดแก้ปัญหาไม่ได้เล่นการเมือง ต้องปรับไปสู่นิวนอร์มอลได้แล้ว โอไมครอนมันอ่อนกว่าไข้หวัดอีก เป็นหวัดแบบเบาๆ คอก็ไม่เจ็บ มีไข้นิดหน่อย วันสองวันก็เกลี้ยง หายใน 5-6 วัน ไม่มีอะไรเลย อย่าไปตกใจ ทุกวันนี้มีเบื้องหลังเป็นบริษัทยาทั้งนั้น เพราะข่าวมันสร้างความกลัว พอได้แล้วเรื่องสร้างความกลัว มาสร้างความรักเถอะ”
“คืนชีวิตปกติให้ประชาชน 2 ปีแล้วที่เขาทนทุกข์ทรมาน ที่ผ่านมามันทำให้อนาคตในวัยไหนก็ตามแย่ลงเยอะ ลองฟังผมดี ๆ นะ ไปเปิดฟังทวน บอกคุณอนุทิน กับ คุณประยุทธ์ ลองคุยให้ดี แล้วอย่ามาเถียงว่าไม่รู้จริง ถ้ายังยืนยันว่าโอมิครอนมันดุมาก งั้นผมก็สาธุ ไปเถอะ”
“ต้องขอบคุณที่โอมิครอนมาแทนเดลต้า เพราะเป็นปลายทางของการกลายพันธุ์แล้ว เมื่อโอไมครอนมาแล้วมันก็ควรจะเข้าสู่นิวนอร์มอลได้แล้ว ฉะนั้น ประเทศไหนจะฉลาดจะโง่ก็ชั่งเถอะ แต่ 3 เดือนจากนี้ เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายนจะเห็นการยูเทิร์นของหลายประเทศ แล้วในที่สุดทุกคนจะต้องกลับไปสู่นิวนอร์มอล เพราะฉะนั้นประเทศที่ขี้กลัวก็อาจจะใช้เวลาตัดสินใจ”
“แต่ในครึ่งปีแรก ผมคิดว่า มันควรจะจบคำว่าโควิดแล้ว นอกจากนั้นมันก็เป็นเรื่องอยู่กับมันอย่างปกติที่ไม่อันตราย แต่คนเปราะบางต้องฉีดวัคซีน mRNA ระมัดระวังอย่าไปที่คนเยอะ ถ้าไปก็ใส่หน้ากาก 2 ชั้นจะได้ปลอดภัย ดังนั้นใครไม่นิวนอร์มอล ประชาชนก็ต้องเริ่มนิวนอร์มอลได้แล้ว ไม่งั้นใช้ชีวิตไปต่อยาก”