เลือกตั้งซ่อมหลักสี่ จุดปราศรัยใหญ่ แคมเปญโค้งท้าย ปัจจัยชี้ชัยชนะ

PRACHACHAT/Illustration/Bhattarada Manee

เลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร กทม. จุดปราศรัยใหญ่และแคมเปญโค้งสุดท้ายของแต่ละพรรค ก่อนถึงวันที่ 30 มกราคมนี้ คือ ปัจจัยที่จะคว้าชัยชนะ ได้เข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภา

การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร กทม. แทนนายสิระ เจนจาคะ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ให้พ้นออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกคดีฉ้อโกงเมื่อปี 2538 สะดุดคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560 จะมีขึ้นใน 30 มกราคม 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

การหาเสียงของแต่ละพรรคดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง โดยแต่ละพรรคต้องเร่งสปีดเอาชนะใจ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตหลักสี่-จตุจักร เพื่อคว้าชัย เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส. อันทรงเกียรติใน สัปปายะสภาสถาน มีทั้งหมด 8 พรรค แต่ 3 พรรคสุดท้ายที่คาดว่าคะแนนจะสูสีที่สุด คือ เพื่อไทย-กล้าและพลังประชารัฐ

เบอร์ 1 พรรคไทยภักดี นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์

“พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์” อายุ 43 ปี อดีตนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอบริษัทหลายบริษัท ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จบเศรษฐศาสตรบัณฑิตและมหาบัณฑิต ทั้ง 2 ใบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

“พันธุ์เทพ” เคยเป็นผู้ชานาญการกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของ ประชาชน อนุกรรมาธิการพิจารณาการศึกษาการพัฒนาสื่อด้านการพัฒนาการเมืองสำหรับเด็กและเยาวชน คณะทำงานเพื่อพิจารณาศึกษาการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่ สากล ไอเอ็มที ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์

หันมาเล่นการเมืองครั้งแรก ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. คนแรกในนามพรรคไทยภักดี ของนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค ซึ่งนำเสนอภายใต้แคมเปญ “ไม่กุ๊ย ไม่กร่าง ไม่โกง” เติมคนดีเข้าสภา ไปสู้กับการด้อยค่าสถาบัน แม้ไม่มี ส.ส.ในสภาสักคน

เบอร์ 2 พรรคกล้า : เอ๋ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี

“อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” อายุ 43 ปี จบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จากรั้วธรรมศาสตร์ และปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายการเงินการธนาคาร มหาวิทยาลัยบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา 

“อรรถวิชช์” ถือเป็นผู้สมัครในพื้นที่ เพราะเขาผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 3 ครั้ง ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ชนะ 2 ครั้ง และแพ้ 1 ครั้ง และครั้งนี้ เขากลับมาอีกครั้งในนามพรรคกล้า พรรคใหม่เอี่ยมที่มี กรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้า

ในวันที่เขาออกตัวว่าจะลงสมัครเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เขาเอ่ยกับกรณ์ หัวหน้าพรรคว่า “ขอลงเอง” พร้อมทั้งกล่าวอีกว่า “…เขตนี้เขตเก่าผม ผมผูกพันกับชาวบ้านที่นี่ ผมอยากให้เขาได้ตัวเลือกที่พร้อมที่สุดจากพรรคเรา” โดยเขามาในแคมเปญ “สร้างสรรค์การเมืองคุณภาพ”

พรรคกล้าจะจัดปราศัยใหญ่ส่งท้าย ชูแคมเปญ”รวมพลัง เลือกการเมืองคุณภาพ” ในวันที่ 28 ม.ค. ก่อนการเลือกตั้งในเช้าวันที่อาทิตย์ที่ 30 ม.ค. ที่ชุมชนการเคหะท่าทราย ซึ่งถือว่าเป็นชุมชนใหญ่ ที่สามารถชี้เป็นชี้ตาย อีกหนึ่งชุมชน ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้จัดปราศรัยใหญ่ไปก่อนแล้ว

เบอร์ 3 เพื่อไทย : อ๊อบ สุรชาติ เทียนทอง

“สุรชาติ เทียนทอง” อายุ 42 ปี จบด้านการเงินและการจัดการ และปริญญาโท สาขาผู้นำองค์กร จากสหรัฐอเมริกา ลูกหม้อเพื่อไทยมากกว่า 10 ปี ลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรก ในสังกัดพรรคประชาราช แต่ไม่ได้รับการเลือก จากนั้นย้ายมาพรรคเพื่อไทย มาลงสมัครเลือกตั้งอีกครั้ง ปี 2554 และได้เป็น ส.ส. สำเร็จ

การเลือกตั้งในปี 2562 “สุรชาติ” แพ้ให้ “สิระ” อันดับหนึ่งไป 2,700 คะแนน พลาดเนื่องจากพรรคการเมืองฟากเดียวกันอย่างพรรคอนาคตใหม่ของนายธนาธร ไปตัดคะแนนกันเอง

กลับมาครั้งนี้ สุรชาติ มาในแคมเปญ “เลือกตั้งเพื่อศักดิ์ศรีของชาวหลักสี่ จตุจักร” ก่อนเข้าช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อม พรรคเพื่อไทย ยังชูนโยบายมหานคร เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนเมือง อาทิ รถไฟฟ้า เอ็มอาร์ที 20 บาทตลอดสาย 30 บาทรักษาทุกโรค  ครัวไทยสู่ครัวโลก ใช้อาหาร เป็น Soft Power ในการโปรโมตประเทศไทยสู่สายตาประชาคมโลก เป็นต้น

ขณะที่การปราศรัยใหญ่ (28 ม.ค.) หาเสียงโค้งสุดท้าย พรรคเพื่อไทยจัดใหญ่ ชูแคมเปญเลือกเพื่อไทย เลือกให้ชนะขาด และธีมในการปราศรัย “เลือกเพื่อไทย : เพื่อศักดิ์ศรี เพื่อประชาธิปไตย เพื่อเงินในกระเป๋าพี่น้องประชาชน”  ที่สวนสาธารณะทุ่งสองห้อง  ระดมกรรมการผู้บริหาร ส.ส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย สรรพกำลังและแนวนโยบาย เพื่อคนกรุงเทพฯและคนไทย เพื่อร่วมสร้างความหวัง คืนความฝันให้กับพี่น้องประชาชนอีกครั้ง 

เบอร์ 4 : ยุทธศาสตร์ชาติ เจนนี่ กุลรัตน์ กลิ่นดี

“เจนนี่ กุลรัตน์ กลิ่นดี” อายุ 36 ปี อดีตผู้บริหารการเงินแห่งหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญบริหารคนและบริหารงาน เธออาสาเข้ามาลงสมัคร ส.ส. ในพรรคยุทธศาสตร์ชาติ ที่ลงเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้

เธอกล่าวว่า หากเธอได้รับเลือกให้เข้าทำหน้าที่ในรัฐสภา เธอจะคิดถึงพี่น้องประชาชนที่ให้ความไว้วางใจได้ดูแล อยากทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน พร้อมที่ดูแลความเป็นอยู่ และแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง เป็นเรื่องสำคัญ

เบอร์ 5 : ไทยศรีวิไลย์ บัง รุ่งโรจน์ อิบรอฮีม

“รุ่งโรจน์ อิบรอฮีม” อยุ 42 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธรรมไทย ลงสมัคร ส.ส. เลือกตั้งซ่อม ในนามพรรคไทยศรีวิไลย์ ของนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้า และ ส.ส. หนึ่งเดียวของพรรค ที่มาพร้อมกับแคมเปญ “ถ้าอยู่ตรงข้ามลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) เราคือพวกเดียวกัน”

นายมงคลกิตติ์เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขากล้ายืนยัน หากนายรุ่งโรจน์ได้รับเลือกเป็น ส.ส. แล้ว จะไม่มีปัญหาอื่นใดให้ต้องมาตีความ ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องการคนดี มีความรู้ความสามารถมาดูแลประชาชน โดยกันคนที่ไม่มีความเหมาะสมออกไปจากวงการเมือง

เบอร์ 6 ก้าวไกล : เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ

“กรุณพล เทียนสุวรรณ” หรือ เพชร อายุ 45 ปี ดารา-นักแสดง จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร เขาเข้าสู่วงการบันเทิง เป็นนักแสดงตั้งแต่ปี 2544 และมีชื่อเสียงจากบท “วนัส” ในเรื่องคู่กรรม ปี 2547

ก่อนที่เบนเข็มเดินเข้าสู่เส้นทางการเมือง ในปี 2563 เขาประกาศจุดยืนสนับสนุนผู้ชุมนุม ที่ออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากนั้นได้รับเลือกจากพรรคก้าวไกล ให้เป็นผู้สมัครของพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้

ในช่วงตลอดการหาเสียง เขาได้รับเสียงครหาเสมอว่า เป็นดาราและเขาไม่ใช่คนในพื้นที่ เหตุใดจึงจะลงสมัครรับเลือกตั้ง รวมถึงถูกสิระ เจนจาคะ แจ้งส่งทนายฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน กรณีนำภาพไปตัดต่อในลักษณะล้อเลียน ระหว่างการหาเสียงที่ผ่านมาด้วย

เขากล่าวทั้งน้ำตาในระหว่างปราศรัยใหญ่ครั้งแรกของพรรคก้าวไกล (23 ม.ค.) ที่ลานกีฬาชุมชนเสนานิคม 2 ในซอยพหลโยธิน 34 เขาตอบกลับคำครหา ด้วยการยืนยันว่า อยู่พื้นที่เขตหลักสี่ มา 30 ปีแล้ว

“ดาราเพียงอาชีพใช้ทำมาหากิน ดาราคนนี้จบเศรษฐศาสตร์ ทำธุรกิจมากมาย และดาราคนนี้พร้อมจะเข้าไปด่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในสภา ถึงเวลาที่เราจะไม่ประนีประนอม จะไม่พูดจาดี ๆ กับคนไร้วิสัยทัศน์ ไม่มีเหตุผล เราต้องการคนเปลี่ยนแปลง พุ่งชนปัญหา ต้องการคนพูดอย่างดุดัน แต่เราไม่ก้าวร้าว เราจะก้มโค้งให้ประชาชน แต่เราจะยืนตรงต่อหน้าเผด็จการ”

ขณะที่การปราศัยใหญ่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลชูแคมเปญ “เลือกให้เหมือนเลือกตั้งใหญ่ เลือกก้าวไกล กาเพชร กรุณพล” ที่ตลาดเจเจกรีน 2 หลักสี่ ที่มาพร้อมกับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค รังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ และ ส.ส.อีกจำนวนมาก

เบอร์ 7 พลังประชารัฐ : เจ๊หลี สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ

“สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” หรือเจ๊หลี อายุ 51 ปี เป็นภรรยาคนปัจจุบันของนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.คนเก่าในเขตนี้ นอกจากนี้เธอยังเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง 

“เจ๊หลี” ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของอดีตแชมป์เก่าอย่างนายสิระ เจ้าของพื้นที่เดิม การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ ของพรรคพลังประชารัฐว่าจะสามารถรักษาพื้นที่ในมือได้ดั่งเดิมหรือไม่ เจ๊หลีจึงกลับมาพร้อมกับแคมเปญ “ขอโอกาสสานงานต่อ” 

ที่นายสิระเอ่ยปากด้วยตัวเอง เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ให้ชาวหลักสี่ เลือกภรรยาของตนเองเป็นผู้แทนเพื่อสานต่องานที่เคยทำไว้ นายสิระออกปากว่า นางสรัลรัศมิ์จะสามารถเข้าไปในสภาแบบแซ่บ ๆ และเป็นองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่ได้อย่างแน่นอน พร้อมทั้งย้ำว่า นางสรัลรัศมิ์ไม่ใช่คนหน้าใหม่ เพราะทำงานเคียงข้างประชาชนมาตลอด

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐได้สู้ตั้งหน้าตั้งตา ลงพื้นที่หาเสียงอย่างเข้มข้น เพื่อนำชัยชนะกลับมาเป็นของพรรคดังเดิม โดยเฉพาะเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมรัฐมนตรี กรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรค ที่ช่วยเดินหาเสียงที่ชุมชนบางบัวร่วมใจพัฒนา (เชิงสะพานไม้ 2) เพื่อตอกความมั่นใจ เลือกตั้งครั้งนี้แพ้ไม่ได้

พรรคพลังประชารัฐ ไม่จัดเวทีปราศรัยใหญ่ ปิดท้ายการหาเสียง มีแต่นำผลงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาเป็นแคมเปญส่งท้าย เพื่อเติมเสียงในโค้งเสี่ยงอันตราย

หมายเลข 8 ครูไทยเพื่อประชาชน : ครูเจริญ ชัยสิทธิ์

“เจริญ ชัยสิทธิ์” อายุ 65 ปี อดีตประธานสหภาพครูแห่งชาติ อดีตกรรมการคุรุสภา อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน ลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ต้องการเข้ามาปฏิรูปการศึกษายุคใหม่-โรงเรียนเป็นนิติบุคคล เด็กอายุ 3-17 ปี ได้เรียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงให้ชุมชนร่วมพัฒนา-บริหารโรงเรียน และขจัดปัญหาเด็กตกหล่นไม่ได้เรียน 6 ล้านคน

ย้อนดูเลือกตั้งปี 2562 ส.ส. หลักสี่ เขต 9

สำหรับผลคะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ปี 2562 หลักสี่ กรุงเทพมหานคร เขต 9 ดังนี้

    1. นายสิระ เจนจาคะ จากพรรคพลังประชารัฐ : 34,907 คะแนน
    2. นายสุรชาติ เทียนทอง จากพรรคเพื่อไทย : 32,115 คะแนน
    3. นายกฤษณุชา สรรเสริญ จากพรรคอนาคตใหม่ : 25,735 คะแนน
    4. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ จากพรรคประชาธิปัตย์ : 16,255 คะแนน
    5. นายศักดิภัทร์ สวามิวัสดุ์ จากเศรษฐกิจใหม่ : 5,873 คะแนน
    6. นายปัณณธร รัตน์ภูริเดช พรรคเสรีรวมไทย :  2,593 คะแนน
    7. นายบวรกิตติ์ สันทัด พรรคภูมิใจไทย : 1,666 คะแนน
    8. สุรวัช สุนทรศารทูล พรรครวมพลังประชาชาติไทย :  760 คะแนน
    9. นายวีรพัส เทพา พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย : 578 คะแนน
    10. พลตรีเจริญ สุดโสภา พรรคชาติไทยพัฒนา :  380 คะแนน
    11. นางประภัสสร ชูทอง พรรคเพื่อชาติ : 348 คะแนน
    12. นายชุมพล รุ่งวิชานิวัฒน์ พรรคชาติพัฒนา : 241 คะแนน
    13. นายธัชชา ภิรมย์ชาติ พรรคประชาชนปฏิรูป : 237 คะแนน
    14. นายศุภกร จงนภาศิริกูล พรรคพลังท้องถิ่นไท : 170 คะแนน
    15. นางสาวนันทวัน อินธิแสง พรรคประชาชาติ : 147 คะแนน
    16. นายกฤษฎา แรงสูงเนิน พรรคประชากรไทย : 98 คะแนน
    17. นายฐิตินันท์ ชวนอยู่ พรรคประชานิยม :  81 คะแนน
    18. นายพสันต์ ดิษเจริญ พรรคพลังประชาธิปไตย : 71 คะแนน
    19. นางสาวโสพรรณา ทิพย์โยธา พรรคครูไทยเพื่อประชาชน : 59 คะแนน
    20. นายพิชิต จันทร์ประเสิรฐ พรรคประชาภิวัฒน์ : 58 คะแนน
    21. นายธงชัย เสี่ยงเทียนชัย พรรคพลังสังคม :  55 คะแนน
    22. นายณัฐพล วิสุทธิวงศ์ พรรคภราดรภาพ : 54 คะแนน
    23. นายฐิตินันทน์ แก้วกิตติกาญจนา พรรคพลังชาติไทย :  52 คะแนน
    24. นายรุ่งโรจน์ อิบรอฮีม พรรคประชาธรรมไทย :  49 คะแนน
    25. จ่าสิบเอกไพบูลย์ ภู่ธงแก้ว พรรคพลังไทสร้างชาติ :  46 คะแนน
    26. นางกรรวิการ์ บุตรเนียร พรรคพลังปวงชนไทย : 41 คะแนน
    27. นางกนกวรรณ กล่ำเครือ พรรคภาคีเครือข่ายไทย : 38 คะแนน
    28. นายสมปอง เพิ่มพูล พรรคพลังศรัทธา : 25 คะแนน
    29. นางอรอุสา งามเบญจวิชัยกุล พรรคมติประชา : 23 คะแนน
    30. นายฟ้าใส บินสุมัน พรรคมหาชน : 0 คะแนน