พลังประชารัฐ แตก 11 ก๊ก “ถาวร” ผู้สนับสนุนไทยภักดีวิเคราะห์

ถาวร-ผู้สนับสนุนพรรคไทยภักดี วิเคราะห์พรรคพลังประชารัฐแตก 11 ก๊ก ไม่แตกก็เหมือนแตก

วันที่ 31 มกราคม 2565 นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์รายการ “เจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยแลนด์” ถอดบทเรียนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 หลักสี่-จตุจักร ว่า ในฐานะไม่ใช่สมาชิกพรรคไทยภักดี แต่เข้าไปเต็มตัวแล้ว เป็นผู้สนับสนุนพรรค ไทยภักดีได้คะแนน 6 พันกว่าคะแนน ซึ่งมีสมาชิกพรรค 3 คน ประการแรก การเมืองสุจริตและเที่ยงธรรมยังพอมีความหวังอยู่บ้าง การเมืองนับรายหัวยังคงนำ

นายถาวรกล่าวว่า สิ่งสำคัญ คือ การหาเสียงโดยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ แรงพลังความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นนัยสำคัญ ประการที่สอง บทเรียนในครั้งนี้ หลังจากมีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 52 เปอร์เซ็นต์ หรือ 88,000 คน จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 จำนวน 122,000 คน หรือ 74 เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ไม่ออกมาลงคะแนนเสียง 34,000 คน คือ กลุ่มไหน หายไปเพราะอะไร

“ไทยภักดีพบว่า คนเบื่อการเมืองมากขึ้น และไม่ศรัทธาระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตย ถ้าเป็นในแนวนี้ ทะเลาะกันรายวัน ไม่รับผิดชอบ มีการทุจริต จะหาวิธีการอย่างไรให้พี่น้องกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ต้องกลับมาครุ่นคิดว่า การเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในครั้งต่อไป จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มเพื่อไทยบวกก้าวไกล รอบนี้ได้ 49,000 คะแนน ฝั่งรัฐบาล มีพรรคกล้า พรรคพลังประชารัฐ และไทยภักดีได้ 33,000 คะแนน ห่างกันได้อย่างไร”

นายถาวรกล่าวว่า ชี้ให้เห็นว่า ฝ่ายรัฐบาลเวลานี้ ไม่นับเอา ส.ว. 250 คนมาโหวต คิดว่า ต้องกลับไปเป็นฝ่ายค้าน ให้เพื่อไทย ก้าวไกลมาบริหาร

“บทเรียนที่ต้องดูต่อไป คือ ชุมชนแออัด ออกมาใช้เสียงมาก โดยเฉพาะหลักสี่ ทุ่งสองห้อง 57 เปอร์เซ็นต์ ต่ำสุด คือ กลุ่มบ้านมีรั้วในเขตจัตุจักร แขวงจันเกษมออกไปใช้สิทธิ 46 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นบ้านมีรั้วออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าทุ่งสองห้องถึง 11 เปอร์เซ็นต์ อยากเชิญชวนคนชั้นกลาง คนบ้านมีรั้ว อยู่คอนโดฯหรู คำนึงถึงสิทธิ์ คำนึงถึงผลที่จะตามมาสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ครั้งนี้ไม่เป็นไร เพราะท่านถือว่า อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนที่จะเอานายกฯออก หรือเอานายกฯคนใหม่เข้าไป ไม่เช่นนั้น นักการเมืองที่ใช้ประชาธิปไตยรายหัวก็จะกระหยิ่มยิ้มหย่อง”

นายถาวรวิเคราะห์ความพ่ายแพ้ของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ถ้าแบ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 11 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่ม พล.อ.ประยุทธ์ 38 เสียง 2.กลุ่ม พล.อ.ประวิตร 7 เสียง 3.กลุ่มสามมิตร 17 เสียง

4.กลุ่มสันติ 6 เสียง 5.กลุ่มชนม์สวัสดิ์ 6 เสียง 6.กลุ่มวราเทพ 4 เสียง 7.กลุ่มสนธยา 1 เสียง 8.กลุ่มสี่กุมาร 4 เสียง 9.กลุ่มวิรัช 8 เสียง 10.กลุ่มดาวฤกษ์ 6 เสียง 11.กลุ่มฟรีแลนซ์ 5 เสียง ไม่นับกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสที่ถูกขับ 21 รวม 123 เสียง


“พรรคพลังประชารัฐขาดความเป็นเอกภาพ ขาดความสามัคคี ผลงานลดลงมา พรรคพลังประชารัฐไม่แตกก็เหมือนแตก เขานินทากันว่าอย่างนี้ แต่อย่างไรตนก็สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐให้เป็นรัฐบาล ทำงานต่อ 1 ปีนับจากนี้ มีเลือกตั้งค่อยว่ากัน”นายถาวรกล่าว