สุชัชวีร์ มีเมียรวย 200 ล้าน เปิดทรัพย์สินรับน้อง ศึกชิงผู้ว่า กทม.

รอง

 

ตามไทม์ไลน์ของพี่-น้อง 3 ป. เดือนพฤษภาคม 2565 การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม หรือไม่เกินกลางปี 2565 หากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองเสียก่อน

ในช่วงที่พรรคการเมืองที่เปิดหน้า-เปิดตัว “แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.” เพื่อช่วงชิงกระแส บางพรรค-บางพวกเก็บงำความลับไว้ เพื่อกุมความได้เปรียบในการหาเสียง

ล่าสุดมีการใช้วิชาการเมือง ออกมารับน้อง ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่

จู่ ๆ มีปมทุจริตต่อหน้าที่-ร่ำรวยผิดปกติ ถูกตั้งลูกมาจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นั่งหัวโต๊ะ

และถูก “คิกออฟ” โดยพรรคก้าวไกล ที่มี ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แห่งพรรคก้าวไกล เป็นโฆษก กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร

ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน “ดร.เอ้” กรณีทุก 3 ปีตลอดเวลาที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 306 ล้านบาท

“ดร.เอ้” เข้ารับตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2558 และยังเข้ารับตำแหน่งนายกสภาวิศวกร เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562

มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจากการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 จำนวน 44 ล้านบาท และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 จำนวน 74 ล้านบาท และครั้งที่สาม-ครั้งล่าสุดมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 342 ล้านบาท

“ดร.เอ้” ตอบคำถามใหญ่-ทำไม 5 ปี ถึงมีทรัพย์สินมากขึ้นกว่า 300 ล้านบาท ว่า เป็นครั้งแรกที่ยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมภรรยา-ทรัพย์สินส่วนใหญ่จึงเป็นของภรรยา

“ดร.เอ้” ระบุสถานภาพ “สมรส” จดทะเบียนสมรส เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 กับ นางสวิตา สุวรรณสวัสดิ์ สกุลเดิม ปีตะวรรณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มเอสซี อินเตอร์เนชั่นเนล ลอว์ ออฟฟิศ จำกัด

แต่ “ดร.เอ้” บอกว่า แต่งงาน-อยู่กินกันฉันสามีภรรยาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว (ปี’61-ปี’62)

หากเปิดตู้เซฟ-สมบัติของ “ดร.เอ้” ที่เปิดเผยต่อ ป.ป.ช. ผู้ยื่นมีทรัพย์สิน 141,729,034 บาท คู่สมรสมีทรัพย์สิน 200,386,331 บาท รวมมีทรัพย์สิน 342,115,365 บาท ประกอบด้วย

ผู้ยื่น เงินสด (เฉพาะเงินสดตั้งแต่สามแสนบาทขึ้นไป) 100,000 บาท เงินฝาก 5,335,070 บาท เงินลงทุน 19,393,964 บาท ที่ดิน 32,100,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 65,000,000 บาท ยานพาหนะ 2,800,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 8,000,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 9,000,000 บาท

คู่สมรส เงินสด 800,000 บาท เงินฝาก 14,425,524 บาท เงินลงทุน 33,973,104 บาท เงินให้กู้ยืม 16,807,702 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 30,000,000 บาท ยานพาหนะ 8,700,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 95,680,000 บาท

นอกจากทรัพย์สินส่วนใหญ่เพราะ “เมียรวย” แล้ว “ดร.เอ้” ยังระบุถึงสาเหตุที่มี “ทรัพย์สินเพิ่มขึ้น” เพราะราคาประเมิน ณ ปัจจุบันเพิ่มขึ้น

ขณะที่รายได้ที่เพิ่มขึ้น “ดร.เอ้” บอกว่า มาจากการวิชาชีพวิศวกรรมเป็นส่วนสำคัญ รวมถึงรายได้จากเบี้ยประชุม โบนัส มูลค่าจากการถือหุ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “วิชาชีพวิศวกร” ของ “ดร.เอ้” ผลิดอกออกผลให้จำนวนมาก อาทิ ลิขสิทธิ์หนังสือ “วิศวกรรมอุโมงค์” มูลค่า 1,000,000 บาท ลิขสิทธิ์หนังสือ “เทคโนโลยีการก่อสร้างอุโมงค์” มูลค่า 1,000,000 บาท

คำขอสิทธิบัตร วิธีการพยากรณ์การทรุดตัวของผิวดินจากการเจาะอุโมงค์ด้วยหัวเจาะแบบปรับแรงดันดินสมดุลในดินเหนียวโดยโครงข่ายประสาทเทียม มูลค่า 1,000,000 บาท

“ดร.เอ้” แสดงข้อมูลรายได้ต่อปีของผู้ยื่น 18,704,870 บาท ของคู่สมรส 7,600,000 บาท ประกอบด้วย รายได้ต่อปีของผู้ยื่น ประกอบด้วย รายได้ประจำ ได้แก่ เงินเดือน 1,410,870 บาท เงินประจำตำแหน่ง 5,094,000 บาท เบี้ยประชุมและโบนัส 5,500,000 บาท คู่สมรส ได้แก่ เงินเดือน 1,200,000 บาท เบี้ยประชุมและโบนัส 200,000 บาท

รายได้จากทรัพย์สินของผู้ยื่น ได้แก่ ขายหนังสือและลิขสิทธิ์ 3,200,000 บาท และรายได้อื่น ๆ (ค่าที่ปรึกษางานวิชาชีพวิศวกรรม วิชาชีพกฎหมาย) ได้แก่ ค่าบรรยาย และสอนพิเศษ 3,500,000 บาท

รายได้อื่น ๆ ของคู่สมรส ได้แก่ คำบรรยาย และสอนพิเศษ 1,000,000 บาท การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ 5,000,000 บาท และเงินปันผล 200,000 บาท

“ดร.เอ้” ยังบอกว่า รายได้ยังมาจากการเป็นกรรมการในบริษัทที่ต้องการวิศวกรมืออาชีพ-โบนัสปลายปี-เงินจากการถือหุ้น

ขณะที่รายจ่ายต่อปีของผู้ยื่น 3,753,600 บาท คู่สมรส 1,626,784 บาท และบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ 120,000 บาท แบ่งออกเป็น

รายจ่ายประจำของผู้ยื่น ได้แก่ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 400,000 บาท ค่าผ่อนบ้าน 3,153,600 บาท ของคู่สมรส ได้แก่ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 400,000 บาท ค่าผ่อนบ้าน 640,800 บาท และค่าผ่อนรถยนต์ 585,984 บาท และของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 120,000 บาท และรายจ่ายอื่น ๆ ของผู้ยื่น ค่าเล่าเรียนบุตร 200,000 บาท

สำหรับข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีที่ผ่านมา เงินได้พึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (1)-(8) ผู้ยื่น 12,239,104 บาท คู่สมรส 1,200,000 บาท

สำหรับหนี้สินของ ดร.เอ้-ผู้ยื่น ที่ระบุไว้กับ ป.ป.ช. คือ เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 26,788,914 บาท และคู่สมรส 8,404,591 บาท รวมมีหนี้สิน 35,193,506 บาท

“ดร.เอ้” ระบุว่า “หนี้สิน” เกิดจากการสร้างบ้าน (เอง) 35 ล้านบาท-เป็นบ้านพัก 2 ชั้น หมู่ที่ 12 ตำบลศรีษะจระเข้น้อย อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ไม่ระบุวันเดือนปีที่ได้มา

ปลูกบ้านบนเอกสารสิทธิ (โฉนด) เลขที่ 69205 เลขที่ดิน 15 หน้าสำรวจ 1570 ต.ศีรษะจระเข้น้อย อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1 ไร่ 69 ตารางวา ได้มาวันที่ 27 ส.ค. 2561 การได้มา รับให้จากมารดา มูลค่า 12,100,000 บาท

โฉนดเลขที่ 69206 เลขที่ดิน 18 หน้าสำรวจ 1571 ต.ศีรษะจระเข้น้อย อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1 ไร่ 64 ตารางวา ซื้อมา ได้มาวันที่ 5 พ.ค. 55 มูลค่า 12,000,000 บาท

และเพิ่ง “รีไฟแนนซ์” โดยรายละเอียดระบุไว้ในลำดับที่ 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ วันที่ทำสัญญา 27 ส.ค. 61 จำนวนเงินกู้ตามสัญญา 35,251,000 บาท ยอดหนี้คงเหลือ 26,737,567 บาท

นอกจากนี้ คู่สมรสยังมี “เงินให้กู้ยืม” 16,807,702 ล้านบาท ประกอบด้วย นายสกลวุฒิ ภูผาสุข กู้ยืม 10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 63 และบริษัท เอ็มเอสซี อินเตอร์เนชั่นเนล ลอว์ ออฟฟิศ จำกัด กู้เงิน 6,807,702 บาท ไม่ระบุวันที่กู้ยืม

“ดร.เอ้” มีบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 2 คน โดยบุตร 1 ใน 2 คน เป็นบุตรต่างมารดา (นางเกล็ดดาว สัตย์เจริญ) อายุ 11 ขวบ ซึ่งอยู่กับมารดา และบุตรที่ใช้นามสกุลเดียวกับนายสุชัชวีร์ 1 คน คือ ด.ช.พันปีย์แสง สุวรรณสวัสดิ์ อายุ 3 ขวบ