บทสรุปจาก สุทิน-พิธา รัฐบาลพลาดอย่างไร เศรษฐกิจถึงเป็นเช่นนี้

สุทิน คลังแสง พรรคเพื่อไทย ส่งท้ายการอภิปรายทั่วไป เปิดแผลเศรษฐกิจที่เกิดจากการวินิจฉัยที่ผิดพลาดของรัฐบาล ขณะที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งพรรคก้าวไกล ย้ำอีกครั้งว่า บิ๊กตู่ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้นำในศตวรรษที่ 21

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายปิดท้ายการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหา ต่อคณะรัฐมนตรี ในนามฝ่ายค้าน ซึ่งได้เอากองทุกข์ของชาวบ้านร่วม 7 ปีมาสะท้อนในสภา แต่ดูเหมือน ครม.และนายกฯ รู้สึกผิดหวัง จึงกล่าวหาว่ามีแต่ขึ้นมาด่าและจะปลดออก

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายค้านอภิปรายทั่วไป 3 ครั้ง อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 ครั้ง เตือนภัยมาเป็นลำดับ ตั้งแต่ปี 2562 ก่อนโควิดมา ว่าจีดีพีจะตก หนี้ประชาชนจะสูง พอโควิดมา ค่าครองชีพพุ่ง แต่รายได้ตกต่ำลงสวนทางกัน

credit : khaosod

ประชาชนทุกข์จากปัญหาเศรษฐกิจ ตั้งแต่แพง จนและพังทั้งแผ่นดิน ค่าครองชีพสูงทุกตัว อาหารขึ้นราคา 30-35% การเดินทางก็ขึ้น ทำมาหากินก็ไม่ได้ รายได้ตก ค่าปุ๋ยและค่าอาหารสัตว์ก็ขึ้นทำรายได้เกษตรกรตกไปอีก โรงงานปิดคนตกงาน พ่อค้าแม่ขายเอสเอ็มอีน้ำตาท่วมแผ่นดิน รายใหญ่จนเฉียบพลัน แต่นายกฯ ยืนยันบอกว่าไม่มีปัญหา ส่วนรมว.พาณิชย์บอกชาวประชาหน้าใส กินอิ่มนอนอุ่น

 ขณะที่หนี้ครัวเรือนพุ่ง วันนี้จะถึง 90% ของจีดีพี หนี้สาธารณะพุ่งขึ้น เราเตือนตลอดว่าหนี้จะชนเพดาน รัฐบาลบอกไม่ชนแต่สุดท้ายก็ชน อีกไม่นานคุณจะมาขอขยายเพดานเงินกู้เป็น 70% หนี้สถาบันการเงินก็สูงขึ้น หนี้สูงทุกตัว

สุดท้ายรัฐบาลบอกว่าเป็นกันทั่วโลกเพราะโควิด แต่ของเราก่อนเจอโควิดมันล้มแล้ว เซแล้ว ต่อให้โควิดไปเศรษฐกิจเราก็ไม่ฟื้น เราล้มไปก่อนโควิดเพราะท่านวินิจฉัยผิด แต่บอกว่าทั่วโลกก็เป็น อังกฤษ-อเมริกาก็เงินเฟ้อ ทั้งที่สถานการณ์ต่างกับเรา

 ถ้าท่านวินิจฉัยผิดแบบนี้ตายเลย ที่ท่านบอกราคาสินค้าแพงเพราะต้นทุนน้ำมันสูงนั้นไม่เถียง แต่ของเราน้ำมันขึ้น 30% แต่ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงกลับขึ้น 200% ทำไมไม่ขึ้น 30% แบบนี้เรียกฉวยโอกาส โดยเอาการส่งสัญญาณของรัฐบาลมาฉวยโอกาส

 นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ ชาวบ้านทุกข์เรื่องการเมืองด้วย การปฏิรูปไม่ได้ผลจริง ระบบราชการก็เดี้ยง ปัญหาจึงโผล่มาที่สภาล่ม

นอกเหนือจากทุกข์เพราะปัญหาปากท้อง สังคม การเมือง และยังมีคอร์รัปชั่นอีก พอพูดเรื่องทุจริต นายกฯ ควันออกหู ประหนึ่งเป็นคนขาวสะอาด แต่สถาบันจัดลำดับความโปร่งใสนานาชาติบอกว่าทุจริตมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือใบเสร็จ

ที่สำคัญขอให้ท่านทบทวนตัวเอง ท่านต้องคิดว่าท่านอยู่บนกองทุกข์หรือกองสุข ท่านจะเอาชนะคะคานกับใคร จะเอาคน 65 ล้านชีวิตไปเสี่ยงโชคกับท่าน ใจคอจะไม่ปลดปล่อยชาวบ้านออกจากอุ้งมือเลยหรือ

นายสุทินเสนว่า ยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์เมื่อปี 2526 ก็เคยเสียสละยุบสภาฯ  บ้านเมืองจึงไปได้ ดังนั้นขอให้นายกฯ พิจารณาเลือกเอาว่าจะยุบสภาหรือลาออก 

“พวกผมไม่คิดใช้อำนาจพิเศษ ได้แต่ขอร้อง ท่านก็มาบอกว่าจะไล่อย่างเดียว ก็มันหน้าที่ของผู้แทน ไล่ในสภาฯชอบธรรมด้วย หรือท่านคิดว่าวิธีที่ถูกเหมือนไล่นายกฯ คนก่อน วันนี้ประชาชนหงุดหงิด จะเป็นจะตาย พวกผมหงุดหงิดบ้าง นายกฯ ต้องเข้าใจว่าพวกเราได้รับแรงกดดันมาเหมือนกัน” นายสุทินกล่าว

 

ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายก่อนช่วงค่ำวันที่ 18 ก.พ. ว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ปรับตัวรับปัญหาเดิม เนื่องจากมีข้อจำกัดทางวัฒนธรรมเส้นสาย ความโปร่งใสที่ลดลง และอัตราคอร์รัปชั่นที่สูงขึ้น ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องตั้งคำถามต่อภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21

ผู้นำในศตวรรษที่ 21 ที่ประชาชนต้องการคือผู้นำที่ทันสมัย ทันโลก สากล และกล้าหาญ เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ โรคระบาด  มีความเห็นอกเห็นใจประชาชน เข้าใจความเดือดร้อน และมีหัวใจที่เป็นประชาธิปไตย

“ผมจึงคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่มีคุณสมบัติแบบนั้น ไม่เชื่อว่ามีภาวะผู้นำที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่ศตวรรษที่ 21 ได้ เพราะปัญหาของพล.อ.ประยุทธ์ คือมองมุมเดียว  ไม่มีบริบท”

ถ้าเป็นผู้นำที่ทันสมัย งบปประมาณหน้าตาจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้ เราอยู่ท่ามกลางโรคระบาดไม่ใช่กลางสงคราม ดังนั้น เราต้องซื้อเครื่องมือแพทย์ไม่ใช่อาวุธ และการลงทุนในประเทศเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตก็จะไม่ต่ำแบบนี้ ต้องหาวิธีสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ

credit : khaosod

นายพิธากล่าวต่อถึงการลงพื้นที่เขาแก้ว ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ว่า ได้ฟังเสียงเล่าถึงความโหดร้ายของการค้ามนุษย์ ตอนฟังยังไม่เชื่อว่าจะรุนแรงแบบนี้ จนกระทั่งได้อ่านคำให้การของพล.ต.ต.ประวีณ พงศ์สิรินทร์ ดังนั้น จึงอยากจะเห็นพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาชี้แจงว่าคิดเห็นอย่างไรกับการที่เรายังมีการค้ามนุษย์ในประเทศ

“อยากถามว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะหากผู้นำศตวรรษที่ 21 ยอมให้มีการค้ามนุษย์อยู่ในประเทศ นั่นคือ ผู้นำในศตวรรษที่  17”

นายพิธากล่าวว่า อยากเสนอแนะเรื่องรายจ่ายของประชาชนและหนี้สินคืออันดับแรกต้องเปลี่ยนตัวชี้วัดการบริหารเศรษฐกิจได้แล้ว โดยเฉพาะเงินเฟ้อ ต้องมีตะกร้าคนจนเมือง คนจนต่างจังหวัด เจอปัญหาตรงไหน จะได้แก้ให้ตรงจุด