ราคาน้ำมันพุ่ง ประยุทธ์กัดฟันอุ้มดีเซล 30 บาทต่อลิตร ฝ่าภาวะสงคราม

Photo by Peter PARKS / AFP

ประยุทธ์กลุ้มใจ ราคาน้ำมันโลกพุ่ง-ฉุดไม่อยู่ เล็งตรึงราคาดีเซล 30 บาทต่อลิตร จนกว่าจะตรึงไม่ได้ แนะให้ช่วยเหลือตัวเอง สั่ง คกก.แร่ หาวัสดุต้นทุนผลิตปุ๋ย ตัดพ้อ พูดไปก็ไร้ค่า-ถูกบิดเบือน

วันที่ 9 มีนาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่ามีหลายเรื่องที่เป็นปัญหา รัฐบาลจำเป็นต้องหาทางแก้ไขเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน ไม่เฉพาะปัญหาเรื่องพลังงานอย่างเดียว ไม่ใช่เรื่องน้ำมันอย่างเดียว

ซึ่งมีทั้งหมด 7 วาระ เรื่องแรกต้องทราบก่อนว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเป็นอย่างไร ไม่ใช่ราคาน้ำมันดีเซลอย่างเดียว แต่รวมถึงเบนซิน NGV LPG มันพันกันหมด ต้องหามาตรการบริหารจะทำอย่างไรที่จะเกิดผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุดเท่าที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ เช่น มาตรการทางด้านภาษี มาตรการทางด้านการเงิน จัดหามาทดแทนกองทุนพลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งมีหลายสมมุติฐาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“สมมุติฐานที่ 1 ราคาน้ำมันในปัจจุบันจะสามารถ subsidize ดูแลได้ถึงเมื่อไหร่ ไม่ให้น้ำมันดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร ถ้าหากสูงกว่านี้จะทำอย่างไร และถ้าสูงกว่านั้นอีกจะทำอย่างไรอีก และท้ายที่สุด มันสูงขึ้นไปอีก ก็จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันล่ะตอนนั้น นะ เพราะหลายประเทศก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน

ราคาน้ำมัน หรือราคาแก๊สของเราอยู่ในระดับที่ต่ำ เทียบกับในอาเซียนทั้งหมด ต่ำ ระดับที่ต่ำ แต่ไม่ใช่ต่ำที่สุด เพราะมีประเทศที่มีแหล่งพลังงานภายในประเทศ ตอนนี้ก็ต้องเข้าใจกันด้วย นายกฯไม่อยากจะพูดอะไรมาก พูดไปก็ถูกนำไปบิดเบือนหมด นะ พูดไปบางทีก็ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ เพราะไปจับแต่ประเด็นที่มันจะเป็นปัญหาออกไป”

Advertisment

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญวันนี้ คือ จะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเดินไปได้ในสถานการณ์ที่มีสงครามอยู่ในปัจจุบัน ถ้าจะบอกว่าอยู่ไกลกันก็คงไม่ใช่ เพราะห่วงโซ่ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ การค้า การส่งออกเชื่อมโยงกันทั้งหมด ประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน ค้าขายด้วยกัน มีทั้งในเรื่องการเจรจาตามข้อตกลงเอฟทีเอ มีทั้งอาร์เซป มีทั้งอินโด-แปซิฟิก ก็แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยอยู่ตรงจุดที่สมดุลอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้น รัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดำเนินการกับทุกประเทศให้เกิดความสมดุลให้ได้มากที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยโดยตรง ประชาชนโดยตรง ประชาชนคนไทย

“นายกฯ ได้มีดำริอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งได้เรียกคณะกรรมการเกี่ยวกับแร่มาดูว่า ประเทศไทยเหลือแร่อะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ข้อสำคัญ คือ จะทำอย่างไรให้การแก้ปัญหาเรื่องปุ๋ยดีขึ้นในอนาคต ต้องเร่งศึกษาว่าจะทำอย่างไร สามารถที่จะจัดหาวัสดุต้นทุนได้บ้างไหม ทั้งนี้ต้องไม่เกิดความขัดแย้ง ถ้าเรามีแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ เราก็ต้องสั่งซื้อปุ๋ย ต้นทุนผลิตปุ๋ยราคาแพงจากต่างประเทศ แล้วจะโวยวายก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ต้องช่วยตัวเองกันได้บ้าง นอกจากพึ่งการซื้อจากต่างประเทศแต่เพียงอย่างเดียว ก็ให้เริ่มศึกษาตั้งแต่ตอนนี้

อาจจะต้องใช้เวลา เพราะเป็นโครงการที่จะต้องใช้เวลา แต่อีกส่วนหนึ่งจะทำอย่างไรจะบรรเทาความเดือดร้อนของอาหารสัตว์ ปุ๋ย ปุ๋ยอะไรอีกตัวนะ ทั้งปุ๋ย อือ มี 3-4 ปุ๋ยอ่ะนะ วันนี้เราสั่งปุ๋ยมาจำนวนมาก ในแต่ละปี ๆ แล้วมันก็มีผลผูกพันด้วย เพราะปุ๋ยบางอันก็ผลิตมาจากพลังงานด้วย เป็นผลผลิตที่ได้มาจากการผลิตภาคพลังงาน”

Advertisment

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปถึงเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ตรึงจนกว่าจะตรึงไม่ได้ เข้าใจไหม ตอนนี้ยังตรึงไปก่อน 30 บาทต่อลิตร จนกว่าจะไม่สามารถรับได้ ถ้าราคาน้ำมันโลกเกิน 130 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะทำอย่างไร ถ้ามันเกิน 150 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะทำอย่างไร ถ้ามันถึง 180 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจะทำอย่างไร”

“วันนี้ถ้าเราเปรียบเทียบระยะเวลาก่อนหน้านั้นในหลายรัฐบาลที่ผ่านมาก็สูงอยู่เหมือนกัน แต่เป็นการสูงระยะสั้น ไม่ใช่สูงแบบนี้ ซึ่งไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงเลย เพราะคนละสถานการณ์กันและวันนี้กลับวันนั้น ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาก็แตกต่างกัน”

“เพราะวันนี้ประเทศไทยเจริญเติบโตขึ้นมาเยอะ เทคโนโลยีก็เยอะ การใช้รถ ใช้พลังงานก็เยอะขึ้น มากขึ้น เพราะฉะนั้นผลกระทบต้องมากขึ้นเป็นธรรมดา ปัญหาของเราคืองบประมาณที่มีอยู่จำกัด ที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิดเราใช้งบประมาณด้านสุขภาพไปเยอะพอสมควร การช่วยเหลือต่าง ๆ หลายมาตรการก็ออกไป รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แล้วในหลาย ๆ มิติ ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะ”

เมื่อถามว่า แล้วมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันเบนซิน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็เขาบอกไปเมื่อวานนี้แล้วไง ว่ากำลังหามาตรการที่เหมาะสม ก็เฉพาะน้ำมันดีเซลนี่ก็ยังอาการหนักอยู่เลย (ขึ้นเสียง) เบนซินก็ต้องไปหาวิธีการเอา จะเฉพาะกลุ่มหรือไม่ เข้าใจไหม”