อุ๊งอิ๊ง ประกาศนโยบายเพื่อไทย เป็นรูปธรรม หลังยุบสภา

แพทองธาร ประกาศ เพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะค้าขายดีกว่าไทยรักไทย

แพททองธาร ชินวัตร ประกาศ 5 ภารกิจแลนด์สไลด์ ปักหมุด กระจายอำนาจ ปั้น Soft power 1 คน 1 ครอบครัว พาไทยเข้าสู่ยุค Metaverse ลั่น ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะค้าขายดีกว่ายุคไทยรักไทย

วันที่ 24 เมษายน 2562 ที่พรรคเพื่อไทย ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย 2565 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า ตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ถึงวันนี้เป็นเวลา 6 เดือน ขอใช้การประชุมใหญ่พรรค เป็นการส่งการบ้าน

ขอยืนยันว่า เราจะไม่ทิ้งคนรากหญ้า ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แม้ว่าเสียงของเขาจะไม่ดังเท่ากับคนส่วนน้อย เราอยากจะใช้ความรู้สมัยใหม่นำพาเขาให้พ้นจากความยากจน อยากให้ลูกหลาน พี่น้อง มีศักดิ์ศรี อย่างที่พวกเขาควรจะได้รับในฐานะประชาชนของประเทศ

เพื่อไทยยืนยันว่า จะใช้สติปัญญาบริหารประเทศ แก้ปัญหาประเทศ และปากท้องคนไทย เพื่อให้คนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยจะดีขึ้น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เข้ามา ทั้งนี้ มีการกอบโกยผลประโยชน์มากมาย ให้พวกพ้องของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าประชาชนได้ผลกระทบอย่างไร

อย่างไรก็ตาม คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังอยากได้พื้นฐานชีวิตที่มั่นคง ซึ่งที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่มีฐานะยากจนขึ้นมาก สมัยก่อนเคยจะลืมตาอ้าปากได้เพราะนโยบายที่กินได้ของพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย แต่ปัจจุบันพี่น้องคนไทยไทยมีหนี้สะสมร่วมกันถึง 8 ปี แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังต้องการพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง ไม่ได้มีหนี้สิน สามารถมีเงินเหลือเฟือจากนโยบาย จากผู้บริหารที่มีประสบการณ์ของพรรคเพื่อไทย

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ขอส่งการบ้านหลักๆ 5 ข้อ 1.ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและกระจายอำนาจสู่ระดับประชาชน อย่างไทยรักไทยเคยทำ กระจายงบประมาณลงสู่หมู่บ้านให้ประชาชนมีสิทธิตัดสินใจกันเองในหมู่บ้าน เพื่อแก้ปัญหาที่ตนเองรู้ดีอยู่แล้ว และจัดกระจายอำนาจการศึกษา สาธารณสุข การเกษตร และการปกครองท้องถิ่นให้อยู่ในระดับจังหวัดไม่ต้องมาส่วนกลาง

กระทรวงต่าง ๆ จะมีขนาดเล็กลงไม่อุ้ยอ้ายเหมือนปัจจุบัน จะจัดให้มีการรายงานของประชาชนผ่านระบบออนไลน์แบบเรียลไทม์ ทั้งปัญหา ข้อเสนอแนะ เราจะแก้ปัญหาถูกต้อง ถูกจุด ทันเวลา และใช้งบคุ้มค่าที่สุด

2.จะดึงศักยภาพของคนไทย โดยใช้soft power 1 คนต่อ 1 ครอบครัว ซึ่งเป็นพลังอำนาจที่ทำให้คนทั่วโลกโอบรับวัฒนธรรมอื่นๆ นอกจากวัฒนธรรมของตัวเอง ซึ่งจะนำมาซึ่งมูลค่ามหาศาลมากมายทางเศรษฐกิจให้กับประเทศนั้น เรามีความเชื่อมั่นในประเทศไทย และศักยภาพของคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาถูกกดโอกาสเหล่านี้ไว้ไม่ให้มีการพัฒนา และโชว์ศักยภาพของตนเองมานานแล้ว จึงไม่มีโอกาสที่จะทำให้ค่าแรงของตนเองมีค่าสูงขึ้น การดูแลครอบครัวก็มีโอกาสน้อยลง

เราจะทำระบบค้นหาศักยภาพของคนไทย อย่างน้อยๆ 1 คนต่อ 1 ครอบครัวเพื่อนำศักยภาพเหล่านั้นมาพัฒนา ซึ่งตนได้ไปหานายทักษิณ ชินวัตร ในต่างประเทศ เราได้เจอคนไทยในทุกๆ ธุรกิจ ทั้งร้านอาหาร ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ซึ่งมีทั้งตำแหน่งเสิร์ฟ พ่อครัว โรงแรม เราต้องค้นหาศักยภาพของคนไทยให้ได้ ซึ่งรวมแล้ว 16 ล้านครอบครัว ถ้าหาศักยภาพของเขาเจอ จะได้มีแรง มีค่าแรงเพิ่มขึ้น ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่บ้านดีขึ้น

3. ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการเกษตร เพื่อการวิเคราะห์แม่นยำและเกิดผลผลิตสูงที่สุด ทั้งนี้ เกษตรกรบ้านเราต้องมีรายจ่ายต่างๆ ที่ไม่ได้รับความยุตะรรมมากนัก แต่เราจะศึกษาสภาพดิน ฟ้า อากาศ น้ำ ให้รู้ว่าสภาพสิ่งแวดล้อมแบบไหนทำการเกษตรได้ดีที่สุดในพื้นที่ที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการช่วยเกษตรกรลดรายจ่าย ปุ๋ย ย่าฆ่าแมลง

และเราจะใช้วิทยาศาสตร์เพื่อที่จะให้เกษตรกรรู้วิธีถนอมผลิตภัณฑ์ และจะช่วยกระจายและจัดจำหน่ายให้เร็วที่สุดไม่ต้องค้างสต็อกอยู่นาน

4.ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชน ด้วย Digital transformation ครั้งใหญ่ เพราะเราช้าไปมากแล้ว ล้าหลังประเทศอื่นไปมากจริงๆ ระบบราชการของเราเกิดคอร์รัปชั่นมากมาย ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เพราะขนาดที่ใหญ่โตเกินไป ขับเคลื่อน สื่อสารกันได้ยาก จัดให้มี Digital Government เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ได้จริง และระบบราชการต้องเป็น Paper less รับฟังปัญหาประชาชนผ่านแอปพลิเคชั่น

เช่นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จากเดิมประชาชนที่ต้องตื่นตี 5 ไปจองคิว เราจะจัดให้มีระบบการจองผ่านออนไลน์ นัดเวลาไหนไปตอนนั้น

เราจะให้ทำการตลาดแบบ e-Commerce ให้สินค้าโอทอปเป็นสินค้าระดับสากลมากขึ้น พรรคเพื่อไทยถ้าเป็นรัฐบาล จะทำให้ขายดีกว่าสมัยพรรคไทยรักไทย

5. เตรียมคนไทยเข้าสู่ยุค Metaverse โลกเสมือนจริงจะนำโลกที่เป็นจริง ซึ่งจะประกอบด้วย NFT (Non-Fungible Token) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่แสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ รวมถึง Games และ E-Sports เพื่อพัฒนาทักษะให้กับเด็กและเยาวชน ตลอดจนเทคโนโลยี AR (Augmented reality) หรือเทคโนโลยีผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน รวมถึง VR (Virtual reality) หรือ การจำลองสภาพแวดล้อมจริงให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ในอนาคตประเทศไทยจะต้องปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากความล้าหลังทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเรื่องรถไฟฟ้าทุกประเภทที่เรามีขีดความสามารถในการผลิต หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และอื่นๆ จัดให้มี wifi ฟรี เข้าถึงระดับหมู่บ้าน โรงเรียน และสถานที่ราชการที่มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต Bandwidth มากพอ

และด้วยเทคโนโลยี Metaverse กำลังจะมา พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะเริ่มสอนเด็กและเยาวชน ด้วยการทำโปรแกรมการเขียนชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ (Program Coding) เพื่อให้เด็กและเยาวชนกลายเป็นเศรษฐีใหม่ในวันข้างหน้า ก้าวข้ามจากความยากจนไปเป็นเศรษฐี และในที่สุดจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวอีกเท่าตัว มาอยู่ที่ 80 ล้านคนภายใน 4ปี จะไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นทางเทคโนโลยีกับต่างประเทศอีกแล้ว โดยเราจะสนับสนุนทุกรูปแบบให้ คนไทยทำ คนไทยใช้ คนไทยฉลาด คนไทยเจริญ

“เราจะทำทุกอย่างให้เป็นรูปธรรมหลังวันที่รัฐบาลประกาศยุบสภา เราจะพัฒนา และออกนโยบายที่เป็รูปธรรม เราพร้อมหมดแล้ว เรามั่นใจสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่เต็มไปด้วยหนี้ มองไม่เห็นโอกาส ความหวังก็จะหาไม่เจอให้เป็นประเทศที่หาเงินได้ง่าย มีแต่ความหวังที่เป็นจริงได้และไม่ต้องสิ้นหวังเหมือนทุกวันนี้”

ประเทศไทยมีศักยภาพอีกเยอะ คนไทยมีศักยภาพอีกมากมาย มาร่วมกันค้นหา พัฒนาคนไทยเหล่านี้ หมดเวนลาขัดแย้งกัน ถึงเวลาแล้วที่เราต้องดูว่าถนัดอะไร นำศักยภาพเหล่านั้นมาเจียระไนให้คนทั้งโลกเห็นคุณค่า สร้างความมั่งคั่งของประเทศไทยให้กลับมามีศักดิ์ศรีอีกครั้ง

“หากพรรคเพื่อไทย ได้มีโอกาสบริหารประเทศ ถึง 8 ปีเช่นนี้ เราจะไม่เห็นปรากฎการณ์ คนอยากย้ายประเทศ รวมถึงพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ ก็จะอยากกลับมาร่วมสร้างความสุข สร้างความมั่งคั่ง และสร้างความเจริญในประเทศไทย ต้องเกิดปรากฎการณ์สมองไหลกลับประเทศไทยในเร็ววัน ด้วยฝีมือของพรรคเพื่อไทย (Reverse brain drain เป้าหมายต่อไป พรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ เราต้องได้อำนาจรัฐ ทุกสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นจึงจะเป็นจริงได้” น.ส.แพทองธาร กล่าว