จาตุรนต์ คืนเวทีเพื่อไทย ปักธงเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ฝ่า 8 วิกฤต

จาตุรนต์ คืนเวทีเพื่อไทย

อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ขอโอกาสเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ พาคนไทยพ้นจากความเดือดร้อน

วันที่ 24 เมษายน 2562 ที่พรรคเพื่อไทย ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย 2565 ภายใต้ธีม ‘แลนด์สไลด์ เพื่อไทย เพื่อคนไทยทุกคน’ ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวครอบครัวเพื่อไทย มีมิติที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือการมีองค์ประกอบสำคัญของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีความผูกพันกันอย่างใกล้ชิด

พรรคไทยรักไทยเป็นทั้งตัวแสดงและผู้ถูกกระทำ แม้พรรคจะถูกสั่งให้ยุบพรรคไป แต่จิตวิญญาณและอุดมการณ์ยังอยู่ โดยเฉพาะอุดมการณ์ หัวใจคือ ประชาชน ทั้งนี้ ต้นตอวิกฤตประเทศในวันนี้เกิดจากการผู้มีอำนาจที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน

ไม่ยอมให้ประชาชนกำหนดการบริหารประเทศผ่านรัฐบาลที่มาจากาการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ยอมให้เกิดรัฐบาลที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แล้วไปทำให้เกิดระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจนนำมาสู่การมีรัฐบาลที่ไร้ความสามารถทำให้ประชาชนเสียหายเดือดร้อนกันในทุกวันนี้

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การรัฐประหาร 2549 คือ จุดเริ่มต้นของวิกฤต เพราะก่อการในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังดี ประชาชนกำลังได้ล้มตาอ้าปาก มีกินมีใช้ ประเทศกำลังก้าวไปเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคและระดับโลก

“การรัฐประหารครั้งนั้นก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพรรคไทยรักไทย จากพรรคการเมืองที่นำนโยบายมาบริหารประเทศจนประสบความสำเร็จ แก้ปัญหาให้ประชาชนและพัฒนาประเทศ มาเป็นพรรคการเมืองที่ชูธงปกป้องประชาธิปไตย การยุบพรรคไทยรักไทย เป็นหนึ่งในแผนบันได 4 ขั้น

แต่แผนนั้นก็ต้องล้มไป เพราะประชาชนไม่เอาด้วย เมื่อยุบพรรคไทยรักไทยก็ก่อเกิดพรรคพลังประชาชน ในการเลือกตั้ง ประชาชนก็เลือกเข้ามาเป็นรัฐบาลอีก ตบหน้าเผด็จการและแผนบันได 4 ขั้น” นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลพรรคพลังประชาชน ได้แสดงความต่อเนื่องของความเป็นพรรคการเมืองที่ชูธงประชาธิปไตย ด้วยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับให้เป็นประชาธิปไตย หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลพรรคพลังประชาชนและการกระทำผิดกฎหมายร้ายแรงอย่างไม่มีข้อจำกัด

เกิดการโค่นล้มรัฐบาล โค่นล้มนายกรัฐมนตรี 2 ท่านและยุบพรรคพลังประชาชนในที่สุด แต่การทำลายพรรคพลังประชาชนในครั้งนั้น ไม่ได้ทำลายจิตวิญญาณและอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ฆ่าไม่ตาย จึงเกิดเป็นพรรคเพื่อไทยขณะเดียวกัน เมื่อพรรคเพื่อไทยลงเลือกตั้งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชน และได้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศอีกครั้งหนึ่ง

แต่ก็เกิดความเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเหมือนเดิมอีก และพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่า ถ้ามีรัฐบาลจากการเลือกตั้งบ้านเมืองก็จะวุ่นวายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นและเป็นข้ออ้างให้เกิดการรัฐประหารในปี 2557

พรรคเพื่อไทย ในขณะนั้นคัดค้านการรัฐประหารและคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จนทำให้นักการเมืองของพรรคเพื่อไทย ถูกจับดำเนินคดีและต้องติดคุกเป็นคนแรกๆ หลังการรัฐประหาร วิกฤตประเทศหนักขึ้น เพราะรัฐประหาร 2557 เพียงเพราะคำว่าต้องไม่ให้เสียของ ไม่ให้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมีอำนาจบริหารประเทศและประชาชนต้องไม่มีสิทธิมีเสียง

แต่ผลเสียทั้งหลายก็เกิดขึ้นกับประเทศและประชาชน ระบบยุติธรรม ระบบการตรวจสอบถ่วงดุล สิทธิเสรีภาพถูกทำลายหมดและรัฐบาลที่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน เมื่อเกิดวิกฤตขึ้น หายนะจึงเกิดกับประชาชน เบื้องหน้าของเรามีความท้าทายใหญ่ที่ประเทศต้องเผชิญ 8 ข้อ

1.เศรษฐกิจตกต่ำ 2. ไม่มีรายได้ ของแพง ค่าแรงต่ำ 3.หนี้สาธารณะสูง และเงินถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า หนี้ครัวเรือนสูง 4. ความเหลือมล้ำอันดับต้นๆ ของโลก 5. ขีดความสามารถต่ำ ล้าสมัยไม่ทันโลก การศึกษาไม่มีอนาคตสำหรับเยาวชน 6. สังคมสูงวัย 7. โลกร้อนที่ใกล้ตัวเข้ามาแต่ไม่มีการจัดการ และ 8. การไม่มีเสรีภาพของประชาชนและความไม่เป็นประชาธิปไตยของประเทศ

แต่ขณะที่เราต้องเจอกับความท้าทายใหญ่แบบนี้กลับมีรัฐบาลแบบประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ข้อเดียว ก็ไม่สามารถแก้ได้ พรรคเพื่อไทย ที่มีความต่อเนื่องของผลักดันนโยบายในการแก้ไขปัญหาประชาชนและพัฒนาประเทศ รวมไปถึงการต่อสู้กับเผด็จการและเรียกร้องประชาธิปไตย ทำให้มีภารกิจสำคัญบนบ่าของทุกคนใน 2 มิติ

คือ การสร้างนโยบายในการแก้ปัญหาให้ประชาชนและพัฒนาประเทศ ไปจนถึงการเดินหน้าสร้างประชาธิปไตย แต่การจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่ได้เป็นรัฐบาล ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เราต้องบอกกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ถ้าจะแก้ปัญหาให้บ้านเมืองและทำให้พี่น้องพ้นจากความเดือดร้อน ต้องให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และเราต้องไม่ชนะธรรมดา แต่ต้องชนะอย่างถล่มทลาย ต้องแลนด์สไลด์เพื่อไทย แล้วเราจะทำให้ดียิ่งกว่าที่เคยทำมาในอดีต” นายจาตุรนต์ กล่าว