โค้งอันตราย 5 ตัวเต็ง ผู้ว่า กทม. เดินหน้าชนลงพื้นที่-บุกปราศรัยย่อย

รอง

นับถอยหลังเหลือไม่ถึง 30 วัน การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่ 17 ก็จะเปิดหีบหย่อนบัตร

ผู้สมัครตัวเต็งต่างลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างหน้าดำหน้าแดง เผชิญแดดร้อนเดือนเมษายน

โค้งอันตรายผู้สมัครแต่ละคนต่างมี “กลยุทธ์” ในแบบฉบับของตนเอง เพื่อเรียกคะแนนโหวตเตอร์

“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้สมัครอิสระ ตัวเต็ง-เต็ง 1 ทุกโพล เตรียมลงพื้นที่ให้หนักขึ้นในช่วง 30 วันสุดท้าย

แม้โพลจะมีคะแนนนำ แต่เขาออกตัวว่า ไม่ได้นำคู่แข่งขาด หลายโพลเราก็ไม่ได้นำขนาดนั้น แต่ละโพลก็ต่างกัน บางโพลก็มีที่สองเข้ามาใกล้ ๆ เลย โพลที่ออกมาล่าสุดบางเขตเราก็แพ้ด้วยซ้ำ อย่าไปเชื่อมากเรื่องโพลอาจจะแหกโค้งได้

แต่จุดแข็งเราคือ เราเดินนาน มาตั้งแต่ 2 ปีครึ่งแล้ว เป็นผู้สมัครไก่โห่ ชื่อเราคนก็จะได้ยินเยอะ แต่จุดอ่อน คือ พอเราลงอิสระปุ๊บ เราไม่มีฐานเสียงเลย ไปเดินพระราม 9 แค่ในเมืองใกล้ ๆ บ้านผมเลย หลายคนไม่รู้จักชัชชาติ บางทีคนที่ทำงานก็ไม่มีเวลาเล่นโซเชียลมีเดีย ป้ายก็น้อย เดินลงไปคนไม่รู้จักก็เยอะ พอเราไม่อยู่ในนามพรรค เราไม่มีฐานเสียง ไม่มี ส.ก. ลงไปเดินให้ทุกวัน ก็จะทำให้เราเข้าไม่ถึงคนบางกลุ่ม ดังนั้น ช่วง 1 เดือนสุดท้าย เราก็พยายามลงพื้นที่ให้หนักขึ้น

เช่นเดียวกับ คู่แข่งจากพรรคประชาธิปัตย์ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ แม้จะถูกกระแส ข่าวฉาวของ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ ผอ.การเลือกตั้ง กลบจนมิด แต่ “ดร.เอ้” ยังไม่ย่อท้อ เขาบอกว่า วางแผนลงพื้นที่ไว้เต็มทุกวัน จะลงพื้นที่หนักขึ้น

“ที่สำคัญ ต้องการให้ประชาชนเห็นความมุ่งมั่นทั้งของตนเองและผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะเข้ามาพัฒนาให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวัสดิการที่ประชาชนได้รับของดี มีคุณภาพและฟรี โดยเน้นสื่อนโยบายให้เข้มข้นมากขึ้น ผมพูดคุยกับผู้สมัคร ส.ก.ตลอด จนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว ผู้สมัคร ส.ก.หลายคนมีศักยภาพดูแลประชาชน ถึงขั้นเป็นทีมงานของผู้ว่าฯได้”

ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครอิสระ ที่อาจมี “แต้มต่อ” โดยที่เป็นผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 16 ก็เตรียมช่วงเวลาที่เหลือก็พยายามสื่อสารให้ชาวกรุงเทพฯได้รับรู้ว่า สิ่งที่ได้ทำไปจับต้องได้

ทั้งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่ปี 2559 แก้ปัญหาจุดเสี่ยงจาก 24 จุด เหลือ 9 จุด ทำคลองให้ไม่เน่า-ไม่ต้องเข้าคิว รพ. เสริมจุดอ่อนที่เราได้ทำมาแล้ว แต่ไม่เคยบอกให้ชาวบ้านได้รับรู้ผลงานที่ทำสัมผัสได้ ไม่ใช่วาทกรรมเลื่อนลอย คำไหนคำนั้น บ้วนน้ำลายลงไปจะก้มลงไปเลียไม่ได้

พล.ต.อ.อัศวินเชื่อว่า ขณะนี้กระแสเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ

ด้าน “สกลธี ภัททิยกุล” ผู้สมัครอิสระ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. เตรียมลงพื้นที่ทั้งเช้า กลางวัน เย็น และกลางคืน เพื่อจะได้พบพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด

แม้ว่าช่วงหลังอาจจะมีการลงพื้นที่น้อย เพราะมีการดีเบตหลาย ๆ ที่ หรือทำคอนเทนต์สัมภาษณ์สั้น ๆ ลงโซเชียลมีเดีย

“ผมมองว่าในสองส่วนนี้อาจจะสอดรับกัน คือการทำภาพกว้าง และลงพื้นที่ด้วย คาดว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งตนจะมีการปราศรัย 2 วัน คือวันที่ 13 พ.ค. ที่ลานคนเมือง กทม. และวันที่ 20 พ.ค. ที่วงเวียนใหญ่”

“สกลธี” คิดว่า กระแสดีขึ้น สืบเนื่องจากช่วงแรก ๆ หลังจากที่ ลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. ได้ประมาณ 1 เดือน ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี และทุกครั้งที่ลงพื้นที่ก็จะมีพี่น้องประชาชนมาต้อนรับจำนวนมาก ซึ่งส่วนตัวมองว่าผลโพลที่เป็นตัววัดที่ดีที่สุด คือการที่ตนลงพื้นที่และมีคนเข้ามาทักทาย หรือถาม หรือปรึกษามากกว่า

ด้าน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เน้นสื่อสารนโยบาย เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการขายแคแร็กเตอร์ลง เช่น ความจริงจัง คิดว่าประชาชนรับรู้แล้ว แต่ประชาชนจะสนใจรายละเอียดเชิงนโยบาย ดังนั้นจะลดการนำเสนอเรื่องแคแร็กเตอร์ลง

“คน กทม.ไม่ได้เลือกผู้ว่าฯ กทม.มา 9 ปี คิดว่า first voter กันทุกคน เพราะจำการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้แล้ว อีกทั้งโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนเข้าถึงโซเชียลมีเดีย เข้าถึงสื่อมากขึ้น ดังนั้น เราจะลดการขายท่าทีของผู้ว่าฯลง เราคงจะมีคลิปที่สื่อสารเชิงนโยบายมากขึ้น ควบคู่กับเดินพบปะประชาชน และสื่อสารผ่านทางผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต ของพรรคก้าวไกล ขณะที่ในวงดีเบตจะเน้นเนื้อหา และ key นโยบายมากขึ้น”

ในช่วงหักดิบโค้งอันตราย จะเห็นผู้สมัครตัวเต็งทั้งหลายลงพื้นที่ถี่ยิบ เช้า กลางวัน เย็น และกลางคืน เปิดเวทีปราศรัย เดินพบปะกับประชาชนจนรองเท้าสึก

เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้มีตัวเต็งมากถึง 5-6 ราย ที่เบียดแย่งคะแนนกัน

หนักกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งแข่งกันแค่ 2 คน ระหว่าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากเพื่อไทย กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น