สุชัชวีร์ ปราศรัยใหญ่สุดท้าย อาสา แก้ 4 วิกฤต กทม.

สุชัชวีร์ ปราศรัยใหญ่เวทีสุดท้าย เสนอตัว แก้ 4 วิกฤตให้คน กทม. 

วันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่เวทีปราศรัย “เบอร์ 4 เปลี่ยนกรุงเทพ #เราทําได้” สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.)  เบอร์ 4 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขึ้นเวทีปราศรัยครั้งสุดท้าย ว่าเส้นทางนี้หฤโหดจริงๆหนักหนาสาหัสจริงๆ ขอขอบคุณทุกประสบการณ์ที่สอนให้ตนต้องมีความเข้มแข็ง อดทน มีสมาธิมากยิ่งขึ้น เพราะหน้าที่หลังจากนี้ การเป็นผู้ว่าฯ กทม. นั้น ต้องใช้พลังกาย พลังหัวใจ และสติปัญญาทุกอย่าง 

“เส้นทางนี้นอกจากได้พบกับเรื่องโหดๆ แล้ว ยังทำให้ตนได้มีโอกาสพบมิตรภาพใหม่ๆ ที่หาไม่ได้ หากไม่ได้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. และตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาซึ่งเดินไปมากกว่าล้านก้าว ผมได้พบรอยยิ้มของคนกรุงเทพฯ แม้จะเป็นรอยยิ้มที่มาพร้อมกับความยากลำบาก” นายสุชัชวีร์กล่าว

 

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า เมื่อเดินครบ 50 เขตหลายรอบ ก็ต้องบอกว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เป็นตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจที่สุดที่มีพี่น้อง ส.ก. 50 คน 50 เขต ร่วมเส้นทางเปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้ไปด้วยกัน และจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่มุ่งมั่นที่สุด

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกหัวลำโพงเป็นสถานที่จัดปราศรัย เป็นเพราะ  1. ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาได้เป็นประเทศที่เป็นหนึ่งในเอเชีย เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้กำเนิดสถาปนาการรถไฟแห่งประเทศไทย และประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่มีรถไฟใช้ในทวีปเอเชีย

“เป็นการประกาศก้องไปทั่วโลกว่าประเทศไทยเมื่อ 126 ปีที่แล้วว่าประเทศไทยรับเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในการเปลี่ยนประเทศพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีหัวรถจักรดีเซลใช้เป็นประเทศแรกในเอเชียก่อนสหรัฐอเมริกาอีกด้วย”นายสุชัชวีร์กล่าว

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า 2. ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง ในห้องโถงใหญ่ หากเงยหน้าขึ้นไปจะเห็นรายชื่อของคนไทย รวมทั้งคนต่างชาติที่มาร่วมสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกของประเทศไทย สายเฉลิมรัชมงคล และ 1  ในนั้นจะเห็นชื่อของสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการพิสูจน์ว่าคนไทย ประเทศไทย และกรุงเทพฯ สามารถสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกได้สำเร็จ 

นายสุชัชวีร์กล่าว่า 3. หัวลำโพง เป็นจุดเริ่มต้นของคนกรุงเทพฯ จำนวนมาก ที่มาจากต่างจังหวัด 

และ 4.สถานีรถไฟกรุงเทพฯ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนกรุงเทพฯเราทำได้ 

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า วันนี้ตนมาเพื่อพูดความจริงและความจริงเท่านั้น พร้อมกับสารภาพว่าวันนี้กรุงเทพฯมี 4 เรื่องวิกฤติ ประกอบด้วย 1.. วิกฤตจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะภัยจากน้ำท่วม กรุงเทพฯ กำลัง จม จม และจม ทั้งจากน้ำฝน และน้ำเหนือที่ไหลบ่ามามากขึ้นทุกปี และยังมีน้ำทะเลหนุน ซึ่งเป็นจุดตายของกรุงเทพฯ  2. วันนี้กรุงเทพฯเสียโอกาสไปมากเพราะความล้าหลังด้านเทคโนโลยี เพราะผู้นำไม่รู้จักใช้เทคโนโลยีเพื่อดูแลประชาชนและแก้ปัญหาซ้ำซาก 

นายสุชชัชวีร์กล่าวว่า วิกฤตเรื่องที่ 3 ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจะมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกจะใช้โอกาสหลังโควิด ในการก้าวกระโดดปรับและปฏิรูปการศึกษา ขณะที่เรื่องการศึกษา ไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯ คนไหนเคยทำเรื่องการศึกษามา และเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องยากต้องใช้ความรู้ที่ลึกซึ้ง ถึงจะเปลี่ยนการศึกษาของบ้านเมืองนี้ ดังนั้นหลังโควิด จะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาห่างขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้ ผู้ว่าฯ กทม. ที่มีความรู้ความเข้าใจและผลักดันเรื่องการศึกษาอย่างจริงจัง 

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า 4. ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในปีนี้ ที่มีจำนวนผู้สูงอายุ 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และในกรุงเทพฯ เขาว่า มีมากกว่า 1.2 ล้านคน แต่เมื่อตนลงพื้นที่ก็พบว่ามีผู้สูงอายุแทบทุกบ้าน เพราะฉะนั้นตัวเลข 1.2 ล้านคนจึงไม่น่าจะใช่ แต่จะมากกว่านั้น และภายใน 4 ปี ผู้สูงอายุจะมีมากขึ้นจนแตะที่ 2 ล้านคน 

“วิกฤตภัยธรรมชาติ น้ำท่วม หนักขึ้นกรุงเทพฯจะจมๆๆ ถ้าไม่ได้มืออาชีพ ที่มีความรู้เรื่องดินน้ำมาแก้ปัญหามาบัญชาการจริงๆ เรื่องของเทคโนโลยี ถ้าเราล้าหลังไปแล้วมันตามไม่ทัน เพราะวันนี้คนใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตครองโลก การศึกษาคือการเปลี่ยนชีวิตคนทำให้ประเทศไทยสามารถยืนแข็งๆ แข่งกับประเทศอื่นได้ ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง”นายสุชัชวีร์กล่าว

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า ถ้าเกิดตนมาคนเดียว ทำไม่ได้หรอกที่จะยกระดับเป็นกรุงเทพฯได้ทั้ง 4 ด้านในการแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบเบ็ดเสร็จ ทำกรุงเทพฯ ทันสมัยใช้อินเตอร์เน็ตฟรี ในการดูแลลูกหลานท่านให้เข้าถึงการศึกษาที่ดีที่สุดใกล้บ้าน ในการดูแลพ่อแม่ท่านให้มีโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 69 แห่ง 80 แห่ง ต้องได้ ส.ก. จากพรรคประชาธิปัตย์ 50 เขต 50 คน มาร่วมทำงานด้วย

นายสุชัชวีร์กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม. ทำหน้าที่ช่าง และต้องเป็นช่างที่ต้องรู้จริง ปะให้ถูกที่ สร้างใหม่ให้ถูกจุด เป็นหน้าที่ของคนที่ต้องเป็นแม่บ้าน เป็นพ่อบ้านที่ดูแลเรื่องการศึกษาลูกให้มีคุณภาพ ดูแลคุณพ่อคุณแม่ให้เข้าถึงหมอที่ดีโรงพยาบาลใกล้บ้านได้ ดังนั้นด้วยเหตุผล 4 ข้อที่ทำไมวันที่ 22 พฤษภาคม ต้องให้การสนับสนุน สุชัชวีร์ เบอร์ 4 เป็นผู้ว่าฯ กทม. พร้อม ส.ก. ประชาธิปัตย์ 50 เขต 50 คน เพื่อเปลี่ยนกรุงเทพฯ เราทำได้

“สุดท้ายผมมาขอคะแนนทุกท่าน ในทุกอุดมการณ์ความเชื่อทางการเมือง ผมขอคะแนนท่าน ขอคะแนนครอบครัวท่าน และคนที่รู้จัก วันนี้ผมพร้อมแล้ว ทีมส.ก. 50 เขต 50 คน ก็พร้อม เหลือแต่ท่าน ผมเดินมา 1 ล้านก้าวแล้ว เหลืออีกก้าวเดียว ที่เป็นก้าวสุดท้าย วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคมนี้ ก้าวเข้าคูหา กา เบอร์ 4”นายสุชัชวีร์กล่าว