พิธา ให้ฉายางบ 66 ช้างป่วย ปรับตัวไม่ได้ แค่งบบำเหน็จ บำนาญ ยังเท่ากับงบฯ กระทรวงศึกษา 3 แสนล้าน ทำนายอีก 10 ปี ปะทะ ช้างทรงพลัง “ไพบูลย์” โต้ทันควัน เป็น “ช้างทรงพลัง” ฝ่าวิกฤต
วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจาณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการฟื้นฟูประเทศ เป็นปีแห่งความหวังที่ประชาชนจะลืมตาอ้าปาก งบประมาณปีนี้จึงเป็นปีหัวเลี้ยวหัวต่อและสำคัญ ถ้าเราจัดงบปีนี้ดีประเทศจะทะยานไปข้างหน้า เป็นจุดตัด จุดเปลี่ยนของประเทศ ถ้าจัดงบดี ประเทศจะทะยานไป 10 ปี แต่ถ้าจัดงบไม่ดีประเทศก็จะเป็นทศวรรษสูญหาย เหมือนทศวรรษที่ผ่านมา
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
- ออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่ม เช็กเลย !
งบปีนี้ เป็นงบช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ รายได้ผันผวน รายจ่ายแข็งตัว การกู้จะหลุดกรอบ เพราะรายได้ 2.49 ล้านล้านบาท ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย เราจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีก 6.95 แสนล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงการเก็บภาษีของเราถดถอยลง ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงทำให้ภาระเงินกู้สูงขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ข้าราชการ วงเงินงบประมาณ 3 แสนกว่าล้านบาท คือรายจ่ายที่สูงเท่ากับกระทรวงศึกษาทั้งกระทรวง นี่คือปัญหาของช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ โครงสร้างงบประมาณตั้งแต่ปี 57–65 งบประมาณ 75% เป็นงบประจำทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรในประเทศ การตั้งงบประมาณไม่ได้ตอบสนองกับวิกฤตหรือโอกาสในปีหน้าแต่อย่างใด นี่เป็นยาขมที่พวกเราทุกคนต้องกลืน เป็นโครงสร้างงบประมาณที่น่ากลัว เพราะทุกๆ 1 บาท ที่เก็บภาษีและกู้มา 40% กลายเป็นเงินเดือน สวัสดิการ กับบำนาญข้าราชการ
นายพิธา กล่าวว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เงินที่ใช้ไปกับบำนาญมากขึ้น 2 เท่า โดยปี 57 บำนาญอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ปี 64 อยู่ที่ 3 แสนล้านบาท ปี 66 อยู่ที่ 3.22 แสนล้านบาท ตอนนี้เรามีข้าราชการเกษียณ 8 แสนคน แต่ในปี 2580 จะมีข้าราชการเกษียณ 1.2 ล้านคน แค่บำนาญของบุคคลากรก็เกินงบประมาณที่เราจะใช้ไปเยอะมาก กระบวนการรัฐราชการ รัฐอุ้ยอ้าน จึงเป็นช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ เราจะแก้ไขเรื่องนี้กันอย่างไร ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ประเทศจะพัฒนาได้อย่างไร
70% ของงบประมาณ 3.18 ล้านล้านบาท หมดไปกับอดีต เหลือใช้จริงไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท หรือ 30% ที่จะนำมาฟื้นฟูประเทศ สร้างความหวังให้ประชาชน ถือว่าเป็นปัญหา แต่ยังสามารถทำให้ประชาชนมีความหวังได้ ด้วยการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ ยุติธรรม แต่พอดูรายละเอียดปรากฎว่างบภาคการเกษตร 5.7 หมื่นล้านบาท เป็นการชำระหนี้ให้กับนโยบายประกันกับจำนำข้าวย้อนหลังไปถึงปี 2551
“ประเทศจะมีความหวังประเทศต้องมีความเป็นธรรม ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ เมื่อนำงบประมาณที่ตั้งไว้ให้กับอีอีซี 1.1 หมื่นล้านบาท มาเทียบกับงบเอสเอ็มอี 2.7 พันล้านบาท เป็นการตั้งงบที่ละเลยทุนตัวเล็กตัวน้อย ไม่ยุติธรรม จึงเป็นปัญหาที่ทำให้ประเทศในช่วงที่ประชาชนควรจะมีความหวัง การฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะไม่ยุติธรรม ไม่สร้างสรรค์ และไม่มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ตนไม่สามารถรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้ได้” นายพิธา กล่าว
ไพบูลย์ แก้ต่างแทน ประยุทธ์ เป็นช้างทรงพลัง
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐชี้แจงนายพิธา ว่า ตนชอบอย่างยิ่งที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงหลักการการจัดทำร่างนโยบายฉบับนี้ มีเป้าหมายให้ประเทศได้รับการพัฒนา ฟื้นฟู จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและทรัพยากรมนุษย์ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม
โดยมุ่งเน้นคุณภาพชีวิตที่ดี มีการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่เด็ก วัยกลางคน จนกระทั่งวัยชรา ให้มีหลักประกันและความคุ้มครองทางเศรษฐกิจ สังคม กับกลุ่มผู้เปราะบางและผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงวัย คนพิการและเด็ก ดูแลสวัสดิการรัฐอย่างทั่วถึง ให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง และกระจายประโยชน์สู่ประชาชนทุกกลุ่ม เสียดาย เรื่องดี ๆ อย่างนี้ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ไปตั้งฉายาร่างกฎหมายฉบับนี้ว่าเป็นขอทานจัดงานวันเกิด เป็นการด้อยค่า
“ฝ่ายค้านไม่น่ามาด้อยค่าในเงินที่จะไปถึงมือประชาชน พูดทำไม แกนนำพรรคฝ่ายค้านอีกท่านหนึ่ง ก็ไปเปรียบเปรยว่าเป็นงบช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้ ผมขออนุญาตแก้ต่างแทน ช้างไม่ได้ป่วย แม้จะพบสารพัดโรคที่กระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรง ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังดูแลขับเคลื่อนประเทศไทย ซึ่งเสมือนช้างที่ทรงพลัง ได้เดินหน้าฝ่าวิกฤตไปได้ ไม่งั้นมาไม่ได้ถึงขนาดนี้หรอกครับ ถือเป็นช้างที่ปรับตัวได้อย่างดี พร้อมที่จะต่อสู้วิกฤตทุกอย่าง ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายไพบูลย์กล่าว
นายไพบูลย์กล่าวว่า ส.ส.ฝ่ายค้านประกาศจะโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ เพราะมีเงินเดือน มีเงินตำแหน่งทุกคน จึงไม่กลัวความเดือดร้อน แต่ประชาชนที่รอความช่วยเหลือจากงบประมาณฉบับนี้ เดือดร้อน เพราะไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง ดังนั้น ตนจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะโหวตไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน
โดยเฉพาะในงบประมาณรายจ่ายมีงบลงทุนกล่าว 6.9 แสนล้านบาท เพื่อไปพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างงานและสร้างความเจริญจะได้รับผลกระทบทั้งหมด อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า ส.ส.ที่รักประชาชน มุ่งมั่น ดูแลประชาชนจะช่วยกันโหวตให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ผ่านไปได้
“งบประมาณปี 2566 เปรียบเหมือนสายฝนที่พรั่งพรม โปรยปรายทั่วทั้งแผ่นดิน อำนวยความสดชื่นชื่นฉ่ำให้ชีวิตชีวาให้กับประชาชนทั่วแผ่นดินที่รอคอยความช่วยเหลือจากรัฐ ท่านหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านได้กล่าวไว้เลยยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐ จะสนับสนุน เห็นด้วยกับงบประมาณปี 2566 นี้ ตนและเพื่อน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐจะโหวตเห็นด้วยกับงบประมาณปี 66 ทุกคน”นายไพบูลย์กล่าว