สุพันธุ์ ไทยสร้างไทย ห่วงขึ้นค่าไฟแตะ 5 บาทต่อหน่วย ภัยร้ายเศรษฐกิจ

สุพันธุ์ ไทยสร้างไทย ห่วง ขึ้นค่าไฟแตะ 5 บาทต่อหน่วย ภัยร้ายเศรษฐกิจ

หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย ห่วงขึ้นค่าไฟแตะ 5 บาทต่อหน่วย จะเป็นภัยร้ายเศรษฐกิจ แนะรัฐบาลออกแคมเปญ ส่งเสริมลดการใช้ไฟจริงจัง

วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าเอฟที งวดสุดท้ายของปีนี้ หากไปเฉียดระดับ 5 บาทต่อหน่วย จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะเท่ากับว่า ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน แพงขึ้นประมาณ 10-20% ย่อมกระทบต่อต้นทุนค่าครองชีพในวงกว้าง

ปัจจุบันนี้ ค่าไฟฟ้าของไทยที่ระดับกว่า 4 บาทต่อหน่วยก็แพงอยู่แล้ว ฉะนั้นหากปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอีก จะยิ่งเป็นภัยร้ายซ้ำเติมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ ค่าไฟฟ้าถือเป็นต้นทุนที่สำคัญของสินค้าและบริการต่าง ๆ เมื่อต้นทุนค่าครองชีพขยับขึ้น มีโอกาสทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นไม่หยุด จากล่าสุด เดือนมิถุนายน 2565 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 7.66% ทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) ต่อเนื่อง 13 ปี

ภาครัฐเองก็จะเหนื่อยมากขึ้น เพราะจะต้องเร่งเข้ามาแก้ไขค่าครองชีพที่เป็นปัญหาใหญ่ของครัวเรือนรายได้น้อย โดยภาครัฐอาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อลง แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแรงจะเป็นการซ้ำเติมภาระรายจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มคนชั้นกลาง ที่มีรายจ่ายประจำทุกเดือนทั้งการผ่อนบ้าน ผ่อนรถเพิ่มขึ้น และการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนก็จะชะลอตัวลง ตลอดจนภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ก็ต้องเผชิญกับต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้นด้วย เรียกได้ว่า ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นลูกระนาด

นายสุพันธุ์กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจึงถือเป็นอีกภัยร้ายที่สร้างความกังวลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ฉะนั้น ภาครัฐจะต้องเร่งหาวิธีการรับมือ โดยควรออกมาตรการประหยัดการใช้ไฟฟ้า หรือแคมเปญส่งเสริมการลดใช้ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และเจาะกลุ่มในแต่ละภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น

รวมถึงควรกำหนดเป้าหมายหรือมีตัวชี้วัดผลการประหยัดพลังงานที่เห็นผลเป็นรูปธรรมด้วย ที่สำคัญกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ภาครัฐมีมาตรการดูแลให้ส่วนลดค่าไฟฟ้านั้น เป็นมาตรการที่ควรดำเนินการต่อเนื่อง แต่จะต้องมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกวิธี เพื่อให้เกิดผลในการประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ตลอดจนมาตรการเดิมที่รัฐเคยดำเนินการในอดีตแล้วประสบผลสำเร็จก็ต้องงัดทุกมาตรการออกมาใช้ควบคู่กัน เช่น มาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า (Demand Response : DR) ที่เคยขอความร่วมมือภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ให้ร่วมประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาต่าง ๆ เป็นต้น

“ค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้นในปีนี้ และหากภาครัฐคุมไม่อยู่ ปล่อยให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้นลากยาวถึงต้นปีหน้า ถึงเวลานั้นภาครัฐจะต้องกลับมาดูว่าปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า รายได้ของภาคประชาชนมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากรายได้ยังอยู่ในระดับต่ำไม่สอดคล้องกับรายจ่าย หรือค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าไฟฟ้าแพงย่อมเป็นปัจจัยที่ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยในปีหน้าให้เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแน่นอน” นายสุพันธุ์กล่าว