ปูพรมวัคซีนเดิมพันเปิดประเทศ ททท.ดึงนักท่องเที่ยวปลุก 10 จังหวัด

ททท.เด้งรับโรดแมปเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวตามกำหนด สั่ง สนง.ต่างประเทศมอนิเตอร์สถานการณ์- ดีมานด์ ผนึกเอเย่นต์ทัวร์-สายการบินไดเร็กต์ไฟลต์บูมภูเก็ต ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยว 3 เดือนแรก 1.29 แสนคน พร้อมแผนกระจายนักท่องเที่ยวสู่ 9 จังหวัด “ภูเก็ต” เปิดแผนเร่งฉีดวัคซีน-พร้อมเปิด 1 กรกฎาคม ด้านกระทรวงสาธารณสุขเปิดไทม์ไลน์รับวัคซีนล็อตใหญ่ 65 ล้านโดส ทยอยเข้าไทย-เร่งสปีดการฉีดสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมกับย้ำว่า รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชากรในประเทศได้ทุกคนอย่างแน่นอน เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงสาธารณาสุข (สธ.) ได้เร่งปรับแผนการฉีดวัคซีนเป็นเชิงรุก ปูพรมการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นทันที เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนได้มากที่สุด โดยเปิดกว้างทั้งการลงทะเบียนผ่านแอป และเปิดให้ประชาชนที่ต้องการจะฉีดวัคซีนเดินเข้าไปรับการฉีดได้เลย

ผนวกกับแผนการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลที่จะเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้นตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป และในช่วงตั้งแต่เดือนมิถุุนายนจนถึงสิ้นปีจะมีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเข้ามาเฉลี่ยเดือนละประมาณ 10 ล้านโดส ทำให้ธุรกิจเริ่มคลายความกังวลเรื่องการจัดสรรจำนวนวัคซีนลงไปในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ภูเก็ตสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวตามแผน “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ และในอีก 9 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่เปิดรับนักท่องเที่ยวชาติโดยไม่กักตัวในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

ขณะที่ สธ.เสนอให้มีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 และระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรต่อ โดยเฉพาะมาตรการผ่อนคลายทางเศรษฐกิจผู้ประกอบการบางพื้นที่รายย่อยและรายเล็ก ร้านอาหาร โดยจะผ่อนคลายมาตรการตามระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อย ดังนี้ 1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ร้านอาหารสามารถบริโภคในร้านโดยนั่งได้ไม่เกิน 25% หรือโต๊ะ 4 คน นั่งได้ 1 คน ไม่เกิน 21.00 น. สั่งกลับบ้านได้ไม่เกิน 23.00 น. 2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด ร้านอาหารบริโภคในร้านได้ ไม่เกิน 23.00 น. งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน 3.พื้นที่ควบคุมร้านอาหาร สามารถบริโภคในร้านได้ตามปกติ งดจำหน่ายและงดดื่มสุราทุกพื้นที่

วางแผนเจาะลูกค้า Long Haul

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าขณะนี้ ททท.เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยไม่กักตัวตามโมเดลภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยมีแผนด้านการตลาดซึ่งเป็นภารกิจหลักนั้น ได้มอบหมายให้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศสำรวจความคิดเห็น ติดตามสถานการณ์ นโยบายอนุญาตให้คนเดินทางออกนอกประเทศของประเทศต่าง ๆ รวมถึงความต้องการการเดินทางท่องเที่ยวของแต่ละตลาด เพื่อนำมาทำแผนด้านการตลาดร่วมกับบริษัทนำเที่ยวและกลุ่มสายการบิน

ททท.จะโฟกัสกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long Haul) อาทิ ยุโรป อเมริกา ฯลฯ และมุ่งจับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่คุ้นเคยและรู้จักตลาดประเทศไทยแล้วเป็นหลัก และเน้นสื่อถึงนักท่องเที่ยวในต่างประเทศให้เห็นถึงความพร้อมในการบริหารจัดการเฉพาะของพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และในอีก 9 จังหวัดท่องเที่ยวที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวในวันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นหลัก

ผนึกสายการบิน-เอเย่นต์ทัวร์บูม

นายยุทธศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ททท.ได้เจรจากับสายการบินบางส่วนไปบ้างแล้ว ทั้งที่บินตรงเข้าภูเก็ตและสุวรรณภูมิ รวมถึงผู้ให้บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) รวมทั้งได้เจรจากับบริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. เพื่อเตรียมแผนสำรองด้านการขนส่งนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าภูเก็ตด้วย ว่าหากศักยภาพการรองรับของสายการบินที่บินตรงเข้าภูเก็ตไม่เพียงพอ ทอท.จะจัดสรรพื้นที่บริเวณเทอร์มินอล E9 ไว้สำหรับเป็นทรานสิตเทอร์มินอล ให้นักท่องเที่ยวเดินทางต่อไปยังภูเก็ต โดยไม่ปะปนกับผู้โดยสารอื่น ๆ

นอกจากนี้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศยังได้วางแผนร่วมกับบริษัทนำเที่ยว (เอเย่นต์ทัวร์) เพื่อเตรียมทำแพ็กเกจทัวร์เสนอขายต่อไป เบื้องต้นวางแพ็กเกจทัวร์ 7-8 วัน ราคาเฉลี่ย 1.5-2.2 แสนบาทต่อแพ็กเกจ เนื่องจากต้นทุนการท่องเที่ยวหลังโควิดได้ปรับตัวสูงขึ้น

“ตอนนี้เราได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน รอเพียงแค่ความชัดเจนเรื่องคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงานภายใต้การท่องเที่ยวในรูปแบบ new normal ที่เรียกว่า SOP หรือ standard operation procedures ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาของ ศบค. อย่างเป็นทางการอีกครั้ง คาดว่าจะสรุปและประกาศใช้ได้ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นทุกอย่างจะมีความชัดเจนขึ้น ทั้งในเรื่องดีมานด์นักท่องเที่ยวและการกำหนดตารางบินของสายการบิน รวมถึงเที่ยวบินเที่ยวเหมาลำด้วย”

ตั้งเป้า 3 เดือนแรก 1.2 แสนคน

ผู้ว่าการ ททท.ระบุด้วยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 3 เดือนแรกของการเปิดภูเก็ต (1 ก.ค.-30 ก.ย.) ไว้ประมาณ 1.29 แสนคน หรือประมาณ 3-4 หมื่นคนต่อเดือน พร้อมกันนี้ ททท.ยังเตรียมแผนสำหรับการกระจายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าภูเก็ต และพักอยู่ในภูเก็ต ครบ 7 วันตามข้อกำหนด ไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วยการทำโปรโมชั่นร่วมกับสายการบินภายในประเทศ ด้วยการ subsidize หรือให้เงินอุดหนุนบางส่วนสำหรับตั๋วเครื่องบินทุกเส้นทางจำนวน 1 แสนใบ เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวและใช้จ่ายในพื้นที่อื่น ๆ และทำให้พื้นที่อื่น ๆ ได้ประโยชน์จากการเปิดภูเก็ตด้วย

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ททท.ยังได้กำชับให้ทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมด้านแผนการพัฒนาด้านซัพพลายไซด์ เพื่อเตรียมรองรับการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ตามนโยบายรัฐบาล แผนการกระจายและฉีดวัคซีน และแผนการตลาด สำหรับจังหวัดที่เป็นพื้นที่นำร่องในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในอีก 9 จังหวัด ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ คือ กระบี่, พังงา, สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย, พะงัน, เกาะเต่า), เชียงใหม่, ชลบุรี (พัทยา), กรุงเทพฯ, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์ ไปพร้อม ๆ กันด้วย โดยมีเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวรวมสำหรับปีนี้ ที่ 3-4 ล้านคน หรือมีรายได้รวมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3 แสนล้านบาท

“ภูเก็ต” ยืนยันความพร้อม

รายงานข่าวจากจังหวัดภูเก็ตเปิดเผยว่า ภูเก็ตได้รับการจัดสรรวัคซีนสำหรับการฉีดในจังหวัด ประมาณ 200,000 โดส ที่ผ่านมา ได้ระดมฉีดวัคซีนแล้วกว่า 95,000 คนเป็นผู้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 101,325 คนผู้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม 93,781 คน ยังเหลือประชากรที่ยังไม่ได้รับวัคซีน 321,000 คน โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้เสร็จก่อนสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน ในจำนวน 460,000 คน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ก่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำที่ผ่านการพิจารณาจาก ศบค.ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ขณะนี้ฉีดวัคซีนได้สูงสุดถึงวันละ15,000 คน และพร้อมจะเพิ่มศูนย์ฉีดวัคซีนเป็น 9 ศูนย์ จากเดิม 5 ศูนย์ หากได้รับวัคซีนตามแผนที่รัฐบาลสนับสนุน

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขส่งวัคซีนซิโนแวกมาให้จังหวัดภูเก็ต 200,000 โดส โดยจะเริ่มฉีดวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เพิ่มกำลังการฉีดอีกเท่าตัว และในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2564 จะส่งวัคซีนชิโนแวกอีก 200,000 โดสและต้นเดือนมิถุนายนจะได้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาอีก 140,000 โดส สรุปว่าภูเก็ตจะได้วัคซีนตามแผน Phuket Tourism Sandbox เพื่อเปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนกรกฎาคม 2564 ได้

65 ล้านโดสทยอยเข้าไทย

รายงานข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชี้แจงความคืบหน้าในการด้านแผนการจัดหาวัคซีน ระบุว่าในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีวัคซีนเข้ามารวมประมาณ 4.2 ล้านโดสแบ่งเป็น ซิโนแวก 2.5 ล้านโดส (รวมวัคซีนบริจาค 500,000 โดส) และแอสตร้าเซนเนก้า 1.7 ล้านโดส จากตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนที่ผ่านมา มีวัคซีนเข้ามาแล้วทั้งสิ้นประมาณ 2.5 ล้านโดส

ส่วนในช่วงเดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2564 จะมีวัคซีนเข้ามารวมประมาณ 61 ล้านโดส โดยในแต่ละเดือนจะมีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเข้ามาเฉลี่ยประมาณเดือนละ 10 ล้านโดส และวัคซีนซิโนแวกอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะมีการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเพื่อจัดหาวัคซีนเพิ่มอีกประมาณ 35-37 ล้านโดส

พร้อมกันนี้ยังได้ประชุมกำหนดแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ให้กับกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 ได้กำหนดและวางแผนการฉีดวัคซีนจำนวนดังกล่าวให้กับ 1.บุคลากรทางการแพทย์ 2.บุคลากรด่านหน้า เช่น อสม. ทหาร ตำรวจ สถานที่กักกัน SQ/ASQ/LQ การบิน ท่าอากาศยาน 3.ประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มเสี่ยง อาทิ ครู พนักงานบริการโรงแรม ขับรถสาธารณะ ข้าราชการบริการประชาชน พนักงานกำจัดขยะมูลฝอย พนักงานการรถไฟ/รถไฟฟ้า มัคคุเทศก์ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ นักธุรกิจที่เดินทางระหว่างประเทศ คนวัยทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

4.นักเรียนนักศึกษาที่ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ 5.คณะผู้แทนทางการทูตและองค์การระหว่างประเทศ 6.ประชาชนผู้มีโรคเรื้อรัง ประชาชนผู้สูงอายุ 7.ประชาชนทั่วไปในจังหวัดอื่น ๆ อาทิ กรุงเทพฯ เกาะสมุย ภูเก็ต เชียงใหม่ พังงา กระบี่ 8.ต่างชาติและแรงงานต่างด้าว

“ทั้งหมดนี้จะทยอยเร่งการฉีดให้เร็วขึ้นและเปิดกว้างมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมและเกิดภูมิคุ้นกันหมู่ตามแผนให้เร็วที่สุด”

คนไทยฉีดแล้ว 2.1 ล้านโดส

รายงานข่าวจากกรมควบคุมโรคเปิดเผยความก้าวหน้าการให้บริการฉีดวัคซีน ประจำวันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคมซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม เวลา 18.00 น. โดยระบุว่า จำนวนการได้รับวัคซีนสะสมล่าสุด (ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์-13 พฤษภาคม) รวม 2,124,732 โดส แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1,416,432 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 708,300 ราย และจังหวัดที่มีร้อยละความครอบคลุมการให้บริการวัคซีนโควิด-19 สูงสุด

เทียบกับประชากรรายจังหวัดตามทะเบียนราษฎร 5 อันดับแรกประกอบด้วย ภูเก็ต เข็มที่ 1 จำนวน 101,325 คน (25.35%) เข็มที่ 2 จำนวน 93,787 คน (23.46%) สมุทรสาคร เข็มที่ 1 จำนวน 136,760 คน (24.93%) เข็มที่ 2 จำนวน 90,079 คน (16.42%) ระนอง เข็มที่ 1 จำนวน 15,462 คน (8.63%) เข็มที่ 2 จำนวน 6,886 คน (3.84%) ตาก เข็มที่ 1 จำนวน 46,452 คน (8.57%) เข็มที่ 2 จำนวน 33,115 คน (6.11%) และกรุงเทพมหานคร เข็มที่ 1 จำนวน 356,041 คน (6.56%) เข็มที่ 2 จำนวน 118,460 คน (2.18%)

ขณะที่การจัดสรรวัคซีนโควิดให้หน่วยบริการ (28 กุมภาพันธ์-13 พฤษภาคม) รวม 2,490,656 โดส แบ่งเป็น ซิโนแวก 2,375,566 โดส และแอสตร้าเซนเนก้า 115,090 โดส