เมื่อคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนสำคัญขององค์กรต่างๆ จึงทำให้รูปแบบของการทำงานในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เห็นได้จากการที่ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ทำงานร่วม หรือ Co-working Office เริ่มเป็นที่นิยม และขยายตัวอย่างรวดเร็วในหลายประเทศทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยนั้น ธุรกิจให้เช่า Co-working Office เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ซึ่งเมื่อผนวกกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของบริษัทสตาร์ทอัพ ในปัจจุบันที่มีมากกว่า 10,000 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ยิ่งส่งผลให้ธุรกิจให้เช่า Co-working Office ยิ่งเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
นายธีระวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ เปิดเผยว่า เทรนด์สำนักงานให้เช่ารูปแบบ Co-working Office กำลังได้รับความนิยม สถิติปี 2561 เติบโตจากปี 2560 ถึง 50% บนพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วน 2.6% ของตลาดสำนักงานให้เช่าแบบดั้งเดิม แนวโน้มปี 2562 มีผู้ประกอบการหลายรายขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่ม 30,000 ตารางเมตร เติบโต 40%
“เน็กซัสฯ เพิ่งปิดดีลเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่แห่งใหม่ 3 ราย ขนาดพื้นที่ 4,000-8,000 ตารางเมตร”
ด้านอัตราค่าเช่าพบว่า ค่าบริการรายเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท/คน/เดือน ปัจจุบันมี Co-working Office 70 แห่งกระจายทั่วกรุงเทพฯ จากผู้ประกอบการ 30 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยรายใหญ่ คือ รีจัส (Regus) วีเวิร์ค จัสโค และสเปสเซส เป็นต้น กลุ่มนี้มองหาพื้นที่เช่าในอาคารสำนักงานเกรดเอ ตามแนวรถไฟฟ้า เดินทางเข้าถึงสะดวก ขนาดพื้นที่ 2,000-4,000 ตารางเมตรขึ้นไป บางแห่งใช้พื้นที่ถึง 8,000 ตารางเมตร
ทั้งนี้ จุดเด่น Co-working Office เป็นรูปแบบบริการทันสมัย เข้าใจไลฟ์สไตล์พนักงานยุคมิลเลนเนียมที่ต้องการความคล่องตัว มีบรรยากาศการทำงานที่ผ่อนคลาย สามารถเช่าระยะสั้นได้จึงเหมาะกับบริษัทสตาร์ทอัพ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าตกแต่ง ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าบริหารจัดการ ค่าส่วนกลาง ค่าทำความสะอาด ฯลฯ รวมทั้งจุดขายที่สามารถเลือกใช้บริการได้หลายสาขา
“เทรนด์จากนี้ไปมีผู้ประกอบการสนใจลงทุนมากขึ้น ซึ่งข้อดี Co-working Office เข้ามาช่วยลดอัตราว่างพื้นที่ในอาคารให้น้อยลง สร้างจุดแข็งและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้เช่า รวมถึงเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการอีกด้วย ในอนาคตอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอในกรุงเทพฯ จะมีพื้นที่สำหรับรองรับ Co-working Office 10% ในทุกๆ อาคาร” นายธีระวิทย์กล่าว