รู้จัก “เพียงใจ หาญพาณิชย์” ผู้ก่อตั้งแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ศาลสั่งไร้ความสามารถ

ประวัติเพียงใจหาญพาณิชย์ผู้ก่อตั้งแลนด์แอนด์เฮาส์

วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี มีคําสั่งให้ นางสาวเพียงใจ หาญพาณิชย์ เป็นคนไร้ความสามารถ ตามการยื่นคำร้องของ นางสาวสุดา อัศวโภคิน และให้อยู่ในความอนุบาลของ นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นางสาวเพียงใจไม่อยู่ในเกณฑ์มีสติสัมปชัญญะ และไม่สามารถทำนิติกรรมต่าง ๆ ได้  ไม่รับรู้รับทราบเนื้อหาโดยทั่วไปอย่างแท้จริง สภาพของนางสาวเพียงใจจะทรงตัวเอง และจะค่อย ๆ เสื่อมลงตามลำดับ เนื่องจากอายุที่สูงขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้ดูแลตลอดไป กรณีเข้าลักษณะวิกลจริตตามกฎหมาย เมื่อผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย ย่อมสามารถดูแลรักษาผลประโยชน์ของนางสาวเพียงใจได้

“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอดีตนักธุรกิจหญิงที่ตะลุยงานมาแล้วหลายด้าน ก่อนจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่

สำหรับประวัติครอบครัวของ “เพียงใจ” ซึ่งยังใช้คำนำหน้าว่า “นางสาว” นิตยสารผู้จัดการรายสัปดาห์ บันทึกไว้เมื่อปี 2531 ว่า เพียงใจเป็นสาวชาวกรุงโดยกำเนิด บิดาชื่อจันทร์ แม่ชื่อทองดี ทั้งคู่เป็นเจ้าของโรงสีแถวลาดกระบัง เพียงใจเรียนจบเพียง ป.4 แต่มีหัวด้านการค้าขายแต่เด็ก เลยได้รับความไว้วางใจให้คุมกิจการโรงสีของครอบครัวตั้งแต่ยังสาว ๆ

ส่วนชีวิตคู่ เธอแต่งงานกับ “บุญทรง อัศวโภคิน” ทายาทเจ้าของห้างขายผ้าและเจ้าของโรงรับจำนำโด่งดัง ทั้งคู่มีพยานรักด้วยกัน 4 คน ซึ่งต่อมากลายเป็นนักธุรกิจระดับชั้นนำของประเทศ ได้แก่

  1. ทรงพล อัศวโภคิน ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมแมนดาริน
  2. อนันต์ อัศวโภคิน อดีตประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
  3. สุดา อัศวโภคิน กรรมการบริษัทในเครือแมนดารินและมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างร่วมกับสามี
  4. อนุพงษ์ อัศวโภคิน รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)

หลังแต่งงานกับสามีแล้ว เพียงใจเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองเป็นครั้งแรก ด้วยการตั้งห้างขายผ้าสิวลี และโรงรับจำนำมั่งหลี ก่อนที่ธุรกิจรับจำนำและสายตาแหลมคมที่มองขาดเรื่องทำเล จะช่วยให้เธอสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจก่อสร้างและจัดสรรที่ดิน

กระทั่งปี 2516 เพียงใจจึงตั้ง บริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ เพื่อดำเนินงานบ้านจัดสรรย่านบางเขน แล้วนำเงินที่จากธุรกิจพัฒนาที่ดิน ไปขยายสู่ธุรกิจโรงแรม เกิดเป็นโรงแรม “เครือแมนดาริน”

บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2532 ผู้จัดการ 360 องศา รายงานว่า หลังจากนั้นเพียงใจจึงส่งไม้ต่อให้ “อนันต์” ลูกชายคนที่สอง ดูแล ส่วนตัวเองไปรับตำแหน่ง นายกสมาคมการค้าที่ดินและก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันคือ สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ แล้วเธอก็ค่อย ๆ เฟดตัวหายไปจากสื่อต่าง ๆ ระหว่างนั้นก็ไปเป็นวิทยากรพิเศษสอนนักศึกษาระดับมินิเอ็มบีเอให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นานถึง 10 ปี

หลังการเสียชีวิตของสามี เพียงใจมักไปพบปะเพื่อนที่สวนลุมพินี ช้อปปิ้งซื้อผอบลายไทยที่ตลาดในสวนลุมฯ ดูทีวี-อ่านหนังสือพิมพ์ เข้านอนตอน 4 ทุ่ม ไม่ค่อยออกงานสังคม ใช้ของราคาไม่แพง ของฟุ่มเฟือยที่มีติดตัวเห็นจะมีเพียง “แหวนเพชร” หลายวง ที่ซื้อต่อมาจากโรงรับจำนำ

คดี ส.ป.ก. แดนมหัศจรรย์

เมื่อปี 2559 เพียงใจตกเป็นข่าวอีกครั้ง หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศใช้มาตรา 44 ลงนามในคำสั่งยึดคืนที่ดิน ส.ป.ก.จากผู้ครอบครองรายใหญ่ผิดกฎหมาย เข้าสู่กระบวนการปฎิรูปที่ดินเนื้อที่ตั้งแต่ 500 ไร่ขึ้นไป ในพื้นที่เป้าหมาย 429 แปลง เนื้อที่ 432,765 ไร่ รวม 25 จังหวัด

เจ้าหน้าที่ประเดิมที่แรกที่จังหวัดกาญจนบุรี  จำนวน 14 แปลง ใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ไทรโยค อ.ด่านมะขามเตี้ย อ.เลาขวัญ และ อ.พนมทวน รวมเนื้อที่ 14,927 ไร่ โดยทาง ส.ป.ก. ได้นำป้ายประกาศไปติดเอาไว้บริเวณที่ดินดังกล่าว โดยให้เวลา 7 วัน เพื่อให้ผู้ครอบครองที่ดินมาแสดงตน และนำเอกสารมาแสดงการครอบครอง หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารที่ได้มาไม่ถูกต้อง จะดำเนินการทางกฎหมาย

หนึ่งในที่ดินที่ถูกนำป้ายประกาศไปติดไว้คือที่ดินใน ต.สิงห์ อ.ไทรโยค ห่างจากวัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน (วัดเสือ) ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งป้ายประกาศติดเอาไว้ที่ริมถนนแสดงความเป็นเจ้าของอย่างชัดเจน ที่ป้ายเขียนว่า “พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของ น.ส.เพียงใจ หาญพาณิชย์ ผู้บุกรุกจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” ตามรายงานของแนวหน้า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2559

คล้อยหลังเพียง 5 วัน เพียงใจซึ่งขณะนั้นอายุ 92 ปี เดินทางไปยังสำนักงาน ส.ป.ก.กาญจนบุรี พร้อมเลขาส่วนตัว เพื่อชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า ที่ดินดังกล่าว เธอซื้อไว้เมื่อปี 2532 ยุคที่พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการกว้านซื้อที่ดินจำนวนมาก เนื่องจากมีการเร่งออกโฉนด ไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นที่ดินของรัฐ

เพียงใจเล่าว่า ขณะนั้น มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายหน้ารวม 3 คน นำที่ดินแปลงนี้มาเสนอขายให้ในราคาไร่ละ 12,000 บาท ทั้งหมด 3,000 ไร่ เป็นเงิน 36 ล้านบาท หลังจากจ่ายเงินแล้วเรียบร้อย กลุ่มผู้กว้างขวางดังกล่าวก็ได้ร่วมกันโกงที่ดินไปจำนวนมาก เธอจึงเหลือที่ดินเพียง 1 พันไร่เศษ จากนั้นปี 2537 นายหน้าเสียชีวิต ลูกสาวของนายหน้าได้ว่าจ้างคนเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินที่เหลือทั้งหมด ให้นักเลงท้องถิ่นมาข่มขู่เธอถึงขั้นเอาชีวิต เธอจึงแก้ปัญหาด้วยการนำป้ายไปปักเพื่อแสดงสิทธิ

ส่วนสาเหตุที่เพียงใจตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงนี้ เพราะผู้ว่าฯกาญจนบุรีในสมัยนั้น ขึ้นป้ายโฆษณาโปรโมทว่า “แดนมหัศจรรย์” เนื่องจากถนนติดกับแปลงที่ดิน เป็นถนนที่ค่อนข้างอัศจรรย์ หากนำรถมาจอดบนถนนหันหน้าไปทางภูเขาที่เป็นเนินสูง รถจะไหลขึ้นไปเองอย่างน่าประหลาดใจ

เดิมทีเพียงใจตั้งใจว่าจะสร้างโรงแรมบนต้นไม้บนที่ดินแปลงนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สร้าง และหลังจากที่ทราบว่าเป็นที่ดินของ ส.ป.ก. ก็ขอยอมรับผิดเองที่ไม่ได้มีการตรวจสอบให้ละเอียด เลยยินดีที่จะส่งมอบคืนให้กับหน่วยงานรัฐด้วยความเต็มใจ ไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ตามรายงานของมติชน 

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของเด็กสาวที่ได้เรียนหนังสือเพียงชั้นประถม มีอาวุธเพียงสติปัญญาและไหวพริบ สามารถปลุกปั้นธุรกิจสร้างความมั่นคั่งให้ทายาท ติดทำเนียบเศรษฐีเมืองไทย มีทรัพย์สินมหาศาลให้ครอบครัวชั่วลูกชั่วหลาน