Gen 2 “อยู่เจริญ กรุ๊ป” ลงทุนอสังหาฯ 3 พันล้าน ย่านทาวน์อินทาวน์

Gen 2 “อยู่เจริญ กรุ๊ป” รีแบรนด์ใหม่ “อยู่เจริญ เอสเตทส” ลงทุนอสังหาฯ 3 พันล้าน ย่านทาวน์อินทาวน์

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ดร.ชนฐนพค์ รุ่งโรจน์ธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด ผู้นำการบริหารอยู่เจริญ เอสเตท (U Charoen Estate) เปิดเผยว่า กลุ่มตระกูลรุ่งโรจน์ธนกุล ในฐานะผู้บุกเบิกโครงการหมู่บ้านจัดสรรคุณภาพรายแรก ๆ ของเมืองไทย ภายใต้แบรนด์ “อยู่เจริญ” ตัดสินใจกลับมารุกลงทุนอีกครั้ง โดยรีแบรนด์ใหม่ชื่อ “อยู่เจริญ เอสเตทส” ตอกย้ำจุดแข็งจากประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานมากกว่า 40 ปี  สร้างบ้านดี มีคุณภาพ เชื่อถือได้ และอยู่ในทำเลที่ดี

บริษัทตั้งเป้านำที่ดินในทำเลต่าง ๆ มาพัฒนาโครงการ โดยเฉพาะย่านถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง มีจุดเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าหลายสาย เช่น โครงการรถไฟฟ้าสีส้ม, สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสายสีเทา (วัชรพล-พระโขนง-สะพานพระราม 9-ท่าพระ) ซึ่งกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังเร่งฟื้นโครงการ

ขณะเดียวกัน เป็นย่านเชิงพาณิชย์ระดับพรีเมี่ยม แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าและคอมมิวนิตี้มอลล์ระดับไฮเอนด์ โครงการมิกซ์ยูสในอนาคตอีกหลายแห่ง ซึ่งสร้างแรงดึงดูดกลุ่มเป้าหมายระดับบนทั้งในแง่การอยู่อาศัยและในแง่การลงทุนสูงมาก

ล่าสุดบริษัทนำร่องเปิดตัว 3 โครงการ 2 รูปแบบ เจาะตลาดระดับกลาง-บน กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อใน ช่วงวัยที่เริ่มมีชีวิตครอบครัวที่ดี ได้แก่

1.“บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์” โฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น จำนวน 14 ยูนิต สไตล์ Modern Japanese พื้นที่ใช้สอย 431 ตร.ม. ที่จอดรถสูงสุด 6 คัน พร้อมลิฟต์โดยสารส่วนตัวและระบบรักษาความปลอดภัยได้มาตรฐานผ่านระบบ Home Automation พิกัดทำเลโครงการตั้งอยู่บนถนนศรีวรา ย่านเอกมัย-รามอินทรา ที่ดินเริ่มต้น ที่ดิน 40-60 ตารางวา ราคา 38-48 ล้านบาท

2.“อยู่เจริญ เรสซิเด้นท์ ทาวน์ อิน ทาวน์” คอนโดมิเนียมติดถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม สไตล์ Modern Japanese แบบ Low Rise สงบ เป็นส่วนตัวจำนวน 208 ยูนิต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ด้วยรูปแบบที่อยู่อาศัยพร้อม Smart Home Automation ไซซ์ 34.75-60 ตารางเมตร ราคา 3.4-5 ล้านบาท

3.“บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” โดดเด่นด้วยทำเลอยู่ด้านหลังเซ็นทรัลอีส์วิลล์ ดีไซน์โฮมออฟฟิศสไตล์แบบบ้านแฝดและทาวน์โฮม พื้นที่ใช้สอย 355-430 ตร.ม. ที่จอดรถสูงสุด 6 คัน พร้อมลิฟต์โดยสารส่วนตัว, ระบบ Home Automation และ Underground Utility System สไตล์ Modern Palladian ทำเลในซอยนาคนิวาส 6 ด้านหลัง Central Festival Eastville เพียง 5 นาที  ถึงจุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ราคา 38-45 ล้านบาท

“เราเข้าใจธรรมชาติมนุษย์ ทุกคนอยากมีชีวิตที่ดีกว่าและต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิต เรามองลูกค้าระดับกลางที่พร้อมปรับสถานะเป็นระดับบน ซึ่งพร้อมก้าวไปกับทุก ๆ คน และกลุ่มลูกค้าระดับบนดั้งเดิม โดยปีนี้นำร่องก่อน 3 โครงการ มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท เพื่อเป็นมาสเตอร์พีซ กระตุ้นการสร้างแบรนด์ อยู่เจริญ เอสเตทส ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จัก” ดร.ชนฐนพค์กล่าว

ที่สำคัญจากการศึกษาตัวเลข Feasibility Study พบว่า สัดส่วนต้นทุนการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทจะไม่ต่างจากอดีตมากนัก แต่การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีค่อนข้างสูง ซึ่งอยู่เจริญ เอสเตทส จะมุ่งเน้นกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพ มีกำลังซื้อ และอาศัยการพัฒนาแบบเพิ่มมูลค่าให้เหมาะสม โดยเท่าที่ทดสอบตลาดจากโครงการของกลุ่มพันนาลิฟวิ่ง บริษัทประสบความสำเร็จมากและกลุ่มลูกค้าเดิมยังนึกถึงแบรนด์ “อยู่เจริญ” จึงตัดสินใจผนึกกำลังกันและเปิดกลยุทธ์รีแบรนด์ใหม่

แผนลงทุนในอนาคตบริษัทวางแผนลงทุนพัฒนาโครงการทำเลแนวเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ไม่ต่ำกว่า 3 โครงการในปี 2565 และเมื่อทุกอย่างพร้อม แบรนด์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โอกาสพร้อม จังหวะพร้อม บริษัทจะพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ขึ้น หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น โครงการ Commercial Community หรือ Health Care Center รวมถึงขยายการลงทุนในพื้นที่ต่างจังหวัด

ด้านเป้าหมายรายได้ในปี 2564 บริษัทคาดการณ์จะเติบโตกว่า 20% และยอดขายพรีเซลไม่ต่ำกว่า 820 ล้านบาท จาก 2 โครงการแรกที่จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้ ได้แก่ “บ้านอยู่เจริญ ทาวน์ อิน ทาวน์” โฮมออฟฟิศสไตล์ Modern Japanese และคอนโดมิเนียมเรียบหรู “อยู่เจริญ เรสซิเด้นท์ ทาวน์ อิน ทาวน์” บนถนนศรีวรา ย่านทาวน์อินทาวน์

ดร.ชนฐนพค์กล่าวอีกว่า ในอนาคตเมื่อทุกอย่างบรรลุเป้าหมาย บริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดไว้ไม่เกิน 3-5 ปีข้างหน้า

อนึ่ง “อยู่เจริญ” จดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทจำกัดตั้งแต่ปี 2518 เริ่มต้นพัฒนาพื้นที่ให้เช่าซื้อ หรือ “เซ้ง” และเป็นผู้บุกเบิกแนวความต้องการการเช่าซื้ออาคารพาณิชย์ ระยะเวลา 30 ปี เป็นรายแรกให้แก่สังคมไทย และเป็นผู้พัฒนาอาคารที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์ที่เรียกว่า “Town House” ที่มีที่จอดรถในตัวเป็นรายแรก และเล็งเห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์หรูหรามากขึ้น จึงคิดค้นโครงการนำร่อง “บ้านพันนา” การอยู่อาศัยด้วยภูมิปัญญาในรูปแบบ Home Office สมัยใหม่ และ “ตรรกะ” Luxury Low Rise Condominuim สไตล์เรียบหรู

ด้านกลุ่มบริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2554 มีบริษัทในเครือ 4 บริษัท ดังนี้

1.บริษัท พันนาลิฟวิ่ง จำกัด ทุนจดทะเบียนมูลค่า 10,000,000 บาท นำเสนอการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่แนวราบ

2.บริษัท พันนา แอนด์ เล้าท์ ดีไซน์ จำกัด ทุนจดทะเบียนมูลค่า 1,000,000 บาท ให้บริการทางด้านการออกแบบและการก่อสร้างเป็นหลัก

3.บริษัท พันนา ชยสา จำกัด ทุนจดทะเบียนมูลค่า 40,000,000 บาท นำเสนอการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในแนวสูง


4.บริษัท พันนา นาคนิวาส จำกัด ทุนจดทะเบียนมูลค่า 100,000,000 บาท รองรับการพัฒนาพื้นที่บนทำเลลาดพร้าว