แก้ปัญหาใต้ตาลึก หมองคล้ำดูโทรม ได้อย่างตรงจุด ด้วยการเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การมีบุคลิกภาพที่ดูดี สามารถสร้างความประทับใจแรกเห็น และเสริมความมั่นใจให้กับเราได้ แต่ปัญหา ใต้ตาลึก หมองคล้ำ ถุงใต้ตานูน มองเห็นชัดเจน แลดูโทรม เหมือนคนอดนอนมานาน อาจทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจ บางครั้งการเลือกใช้เครื่องสำอางกลบ ก็ไม่สามารถลบรอยที่เห็นได้ชัด การเลือกใช้ตัวช่วยด้วยบริการ ฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งเป็นหนึ่งในการทำหัตถการที่มีความปลอดภัย เห็นผลเร็ว เมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรม เพราะไม่ต้องผ่าตัด กลายเป็นอีกหนึ่งเทรนการดูแลตัวเองที่มาแรง สามารถมาช่วยให้ปัญหาร่องตาลึก ดูหมองคล้ำ ให้กลับมาดูละมุน ดูอ่อนเยาว์ ชวนมองอีกครั้ง ทำให้การ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นอีกหนึ่งการดูแลตัวเอง ที่หลายท่านเลือกใช้แก้ปัญหาในส่วนนี้

ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร สามารถแก้ปัญหาตาลึกตา ตาหมองคล้ำ ได้อย่างไร

บริการฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การแก้ปัญหาโดยใช้สารเติมเต็มทางธรรมชาติประเภท ไฮยาลูโรนิค เอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งโดยปกติแล้ว สารชนิดนี้ ร่างกายของเราจะผลิตได้เอง โดยจะทำหน้าที่ไปกระตุ้นให้ผิวมีความชุ่มชื้น ดูเนียน ดูเต่งตึง แต่เมื่ออายุที่มากขึ้น กระบวนการผลิต ก็จะถดถอยลง ทำให้ผิวดูแห้งกร้านดูขาดน้ำ การฉีดสารชนิดนี้เข้าไป จึงช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen และยังแก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำได้อย่างตรงจุด สามารถช่วยให้ใต้ตาที่ดูลึก กลับมาตื่นขึ้น และแก้ปัญหาใต้ตาที่หมองคล้ำ ให้ดูจางลง โดยหลังทำการฉีด จะอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ และปริมาณในการฉีด นอกจากนี้ยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงปลอดภัยต่อผู้ที่เลือกใช้บริการประเภทนี้

ปัญหาใต้ตาที่พบได้บ่อยในยุคปัจจุบัน

• ขอบตาดำ ใต้ตาหมองคล้ำ

• ตาโหล และเบ้าตาลึกจนเกินไป

• ปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย

• ปัญหาริ้วรอยบริเวณใต้ตา

• สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาถุงใต้ตาคล้ำ

ก่อนที่เราจะใช้บริการฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้ ลองสำรวจตัวเองดูก่อนว่า พบปัญหามาจากสาเหตุอะไร เพื่อการแก้ไขได้ตรงจุด

พบกับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขอบตาดำคล้ำ

• สาเหตุจากพฤติกรรม โดยส่วนใหญ่แล้ว การเกิดรอยคล้ำ มักจะเกิดจากการขยี้ตาที่แรงจนเกินไป การนอนพักผ่อนน้อย สภาพความตึงเครียดจากการทำงาน

• สาเหตุจากโรคภูมิแพ้ โดยปกติแล้ว ท่านที่มีปัญหาโรคภูมิแพ้ มักจะเกิดอาการข้างเคียง ทำให้มีปัญหาขอบตาดำ เพราะระบบไหลเวียนภายในร่างกายของเลือด หมุนเวียนได้ไม่ดี จนทำให้เลือดบริเวณใต้ผิวหนัง เกิดการขยายตัว

• สาเหตุจากพันธุกรรม ซึ่งเกิดจากการเจริญเติบโต บริเวณกระดูกเบ้าตา และบริเวณใต้ตาทำได้ไม่ดี จึงเป็นปัญหาที่ส่งผลทำให้ เกิดถุงใต้ตา และมีร่องลึกที่เห็นได้ชัด บางท่านมีลักษณะนูนออกมาอย่างชัดเจน

• สาเหตุจากไขมันใต้ตา เกิดการยุบตัว โดยสาเหตุนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากอายุที่มากขึ้น และพบได้ทั่วไปในผู้ที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตา

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตา จำเป็นอย่างมาก ที่ต้องเลือกใช้บริการกับคลีนิคที่ได้มาตรฐาน และคุณหมอมีความชำนาญ เนื่องจากเป็นจุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องปริมาณในการใช้สารเติมเต็ม สำหรับการฉีด รวมถึงตำแหน่งในการฉีดที่ ต้องมีความแม่นยำ รวมไปถึงประสบการณ์ของแพทย์ จึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูดี และมีความปลอดภัย ซึ่งลำดับขั้นตอนเบื้องต้น มีดังนี้

1. คุณหมอทำการพูดคุยซักประวัติคนไข้ เพื่อประเมินและวิเคราะห์บริเวณจุดที่ต้องการฉีด รวมถึงให้คำแนะนำต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อคนไข้ โดยขั้นตอนนี้ ในกลุ่มผู้ที่มีอาการแพ้ยาชา ควรแจ้งข้อมูลกับคุณหมอทันที

2. จะมีการแปะยาชาบริเวณจุดที่ฉีด ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินอย่างละเอียด โดยอาศัยประสบการณ์และความชำนาญ พร้อมเทคนิคการฉีดของแต่ละท่าน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพื่อรอให้ยาชาออกฤทธิ์

3. เป็นขั้นตอนของการรอให้ยาชาออกฤทธิ์

4. เมื่อยาชาออกฤทธิ์ เป็นขั้นตอนของการฉีดสารฟิลเลอร์ เข้าสู่จุดที่ได้วิเคราะห์ รวมถึงปริมาณที่ต้องใช้ในการฉีดครั้งนั้น

5. หลังทำการฉีดเป็นที่เรียบร้อย คุณหมอจะมีการตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง พร้อมทั้งสักถาม สังเกตอาการ หลังจากนั้นคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย

ปัจจัยที่ส่งผลทำให้การฉีดฟิลเลอร์ แก้ปัญหาถุงใต้ตา อย่างได้ผล

• การเลือกผลิตภัณฑ์ เนื่องจากในปัจจุบันมีหลายประเทศผลิตออกมาจำหน่ายสู่ท้องตลาด ซึ่งแต่ละยี่ห้อ ก็จะมีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันออกไป โมเลกุลที่ทำหน้าที่กระตุ้น ก็จะมีความพิเศษที่ไม่เหมือนกัน ทำให้คุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินเพื่อวิเคราะห์ เพื่อให้การฉีดแต่ละครั้ง ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด รวมถึงปริมาณในการฉีด เนื่องจากสรีระร่างกายของแต่ละท่านมีความแตกต่างกัน

• เทคนิคเฉพาะตัวของแพทย์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความชำนาญของแพทย์ มีส่วนสำคัญที่จะทำให้การฉีด สามารถแก้ปัญหาถุงใต้ตา และตาหมองคล้ำ ตาโหล ดูเหนื่อยล้าตลอดเวลา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ปริมาณในการฉีด จำนวนซีซีที่ใช้ในการฉีด เพื่อแก้ปัญหาถุงใต้ตา ปัญหาตาลึก มีส่วนสำคัญที่จะทำให้การเลือกใช้บริการหัตถการประเภทนี้ สัมฤทธิ์ผลตามเป้า เพราะถ้าใช้ในปริมาณที่ไม่เพียงพออาจทำให้ได้ผลที่ได้ ไม่ตามเป้าที่วางไว้ แต่ถ้าใช้ปริมาณที่มากจนเกินไป ก็อาจส่งผลกระทบ ดังนั้น ปริมาณที่เหมาะสม ในตำแหน่งที่เหมาะสม จึงมีส่วนสำคัญทำให้การได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
การดูแลตัวเองก่อนฉีด

• ศึกษารายละเอียดและหาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างละเอียด

• ตรวจสอบรีวิวคนไข้ และคำแนะนำเพื่อประกอบการตัดสินใจ

• งดยาประเภทแอสไพริน NSAIDs วิตามิน และยาที่มีผลต่อการผลัดเซลล์ผิว

• งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมง

• งดการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่เป็นการกระตุ้นให้เลือดลมสูบฉีดได้ดี
การดูแลตัวเองหลังฉีด

• สังเกตอาการ หากมีอาการบวมแดง ในจุดที่ฉีด ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน

• ทานยาแก้ปวด เมื่อมีอาการปวดหรือบวม

• หลีกเลี่ยงพื้นที่อากาศร้อน เพื่อป้องกันผลกระทบ อย่างน้อยเป็นเวลา 48 ชั่วโมง

• งดการทำเลเซอร์บริเวณผิว อย่างน้อย 1 เดือน

• ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะน้ำสะอาด เป็นการกระตุ้นการสร้าง Collagen และช่วยเสริมคุณสมบัติของฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น

• งดสัมผัส นวด แกะ เกา บริเวณจุดที่ผ่านการฉีด เพื่อป้องกันอาการติดเชื้ออาการอักเสบ

• งดการสูบบุหรี่ เพราะสารบางชนิดในบุหรี่ กระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด เป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาการบวมซ้ำ

• สามารถล้างหน้าได้ แต่ไม่ควรนวดหน้าแรง

• หลีกเลี่ยงการทาครีม บริเวณที่มีร้อยเข็มจากการฉีดเป็นเวลา 1 คืน

• งดการทำซาวน่า หรือทรีทเม้นต์ในระยะเวลา 14 วัน

สำหรับท่านที่มีปัญหาถุงใต้ตา รวมถึงรอยหมองคล้ำ การเลือกฉีดสารเติมเติม Under Eye Filler เป็นอีกหนึ่งการดูแลตัวเองที่ลงตัว เพราะเป็นสารร่ายการ สามารถสร้างได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้น เมื่อทำการฉีดเข้าไปจึงมีความปลอดภัย และยังสามารถสลายได้เอง ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ภายในร่างกาย โดยปัจจุบันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าปลอดภัย เพียงแต่การเลือกใช้บริการ อาจต้องให้เวลาสักนิดในการตรวจสอบคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน หรือเลือกใช้บริการแหล่งหัตถการที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์ เพื่อความมั่นใจเรื่องความปลอดภัย และทำให้การฉีดในครั้งนั้นสัมฤทธิ์ผลตามเป้า นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตนเองหลังฉีดตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดในครั้งนั้น ออกมาดี เพียงเท่านี้ ปัญหาจุกจิกกวนใจ ที่ทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจ ก็จะหายไป ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคุณได้อีกครั้ง