ลูกบิด ภาคต่อ! อาจารย์สาวถอดทีละประโยค สวนกลับ “อานนท์”

อาจารย์เจโต้กลับอานนท์

ไวรัล “ลูกบิด” จากเรื่องเล่าของอาจารย์ดังนิด้ายังไม่จบ เมื่อชาวเน็ตแห่แชร์โพสต์ของอาจารย์สาวในญี่ปุ่น ที่ออกมาตอบโต้โพสต์ต้นเรื่องทีละประโยค

วันที่ 4 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์เล่าประสบการณ์ตอนใช้ชีวิตอยู่อเมริกา เจอปัญหาใช้มือเปล่าจับลูกบิดท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ทำให้มือติดกับลูกบิดประตู ซึ่งเป็นจุดพลิกผันให้ตัดสินใจกลับประเทศไทยเพื่อมารับใช้ชาติบ้านเมือง ก่อนเขียนปิดท้ายว่า “ฝากให้คนชังชาติที่คิดจะไปอยู่บ้านเมืองอื่น สักวันจะเข้าใจ ขออวยพรให้โชคดี ได้เข้าใจชีวิตจริง ๆ” ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

หลังเรื่องลูกบิดของ ผศ.ดร.อานนท์ กลายเป็นไวรัลในโซเชียลเมืองไทย ต่อมาชาวเน็ตได้พากันแชร์โพสต์ของ ผศ.ดร.พัทธจิต ตั้งสินมั่นคง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น หรือ อาจารย์เจ ที่สวนกลับข้อความแต่ละประโยคของ ผศ.ดร.อานนท์ พร้อมแท็กบัญชีเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ดังนี้

อ่านสเตตัสนี่จบ ทำให้เราสงสัยในความหมายของการเรียนปริญญาเอก เคยเข้าใจว่า ที่สังคมให้ค่าและฟังคนที่เรียนจบ ป. เอก เพราะการเรียนปริญญาเอกนอกเหนือจากจะเป็นบททดสอบองค์ความรู้ที่เรามีในแต่ละสาขาวิชาแล้ว แล้วยังเป็นกระบวนการที่ทุกคนน่าจะเกิด…

1) critical thinking skill การตั้งคำถามและหาคำตอบอย่างมีเหตุผล

Advertisment

2) problem solving skill เพราะต้องแก้ปัญหาจากกระบวนการตั้งคำถามที่งอกขึ้นมาตลอดเวลา และ

3) perseverance ความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะต้องอยู่กับ self-doubt ตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำอยู่มีคุณค่าจริง ๆ ไหม…งานวิจัยก็ออกมาว่าคนเรียน ป. โท เอก มีอัตราเผชิญภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วไป 6 เท่าตัว…

Advertisment

ไม่เข้าใจว่า คนที่เคยผ่านกระบวนการแบบนี้มา ก่อนจะพิมพ์ status นี้ออกมา ทำไมถึงไม่เกิดคำถาม…

“ผมไปทำงานเป็น adjunct assistant professor สอนนักศึกษาปริญญาเอกในโรงเรียนบริหารธุรกิจที่ Zicklin school of business, Baruch College, City University of New York. ”

–> คำถาม 1: ถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมเหยียดคุณ และมองคุณเป็นพลเมืองชั้นสองจริง เค้าจะให้คุณเป็น adjunct assitant professor สอนนักเรียนปริญญาเอกได้อย่างไร?

“กูเป็นคนไทย จากประเทศไทย ไม่ใช่คนจีน หรอกหนา ไอ้มืดตัวดำปี๋ มันโกรธมาก ความรู้สึกคือ โห คนดำ เป็นพลเมืองชั้นสองของอเมริกา ยังเหยียดและดูถูกเรา แล้วเราเองเล่าจะเป็นพลเมืองชั้นไหนกันแน่”

–> คำถาม 2: เราถูกเหยียดเพราะเราเป็นคนไทย เราเป็น “พลเมืองชั้นสอง” เพราะเราเป็นต่างชาติและเอเชีย หรือเพราะคนที่เหยียดคุณมีโลกทัศน์ที่คับแคบและค่านิยมที่บิดเบี้ยว?

“พร้อมกับคำถามในใจว่า เราจะมาอยู่ทรมานเป็นพลเมืองชั้นสามชั้นสี่ในที่ ๆ ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเราไปทำไม”

–> คำถาม 3: การที่คุณบอกว่าคุณเป็น “พลเมืองชั้นสอง สาม สี่ ห้า” คุณได้สิทธิรักษาพยาบาล สิทธิในการใช้ชีวิตในสหรัฐ ต่างจากพลเมืองอย่างไร? และคุณแน่ใจเหรอ ว่าคนอย่างคุณและเรา ไม่ใช่พลเมืองชั้นสามชั้นสี่ในบ้านตัวเอง?

“วันหนึ่งอากาศหนาวมาก ผมจะเข้าบ้านเช้า เลยถอดถุงมือเพื่อให้จับลูกกุญแจไขลูกบิดได้ถนัด เอามือเปล่าจับประตูแล้วเนื่องจากหนาวเย็นจัดมาก มือเปล่าๆ เลยเกิดน้ำแข็งเกาะติดกับลูกบิดประตู ผมต้องก้มเอาลมปากร้อนๆ เป่ามือจนเอามือออกจากลูกบิด”

–> คำถาม 4: คุณผ่านกระบวนการทดสอบความอดทนที่ทำให้มีอัตราเผชิญภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วไป 6 เท่าตัว…แต่คุณยอมแพ้ให้กับลูกบิดประตูที่น้ำแข็งเกาะในอากาศหนาวเหน็บ…ที่มันคาดเดาได้และแก้ปัญหาได้ด้วย problem solving skill ง่าย ๆ?

“แต่ถ้าเรายึดมั่นในการทำความดีเพื่อชาติบ้านเมือง ผมเชื่อมั่นว่าแล้วความดีจะคุ้มครองเรา อยู่ที่ไหน ทำเพื่อใครก็ไม่เท่ากับทำให้แผ่นดินเกิด”

–> คำถาม 5: การเรียกคนเห็นต่างว่า “ขยะ” และเรียกร้องให้คนกลุ่มนี้ถูกกำจัดก่อนจะให้ทหารอออกมาทำรัฐประหาร คือ “การยึดมั่นในการทำดีเพื่อชาติบ้านเมือง”?

“ฝากให้คนชังชาติที่คิดจะไปอยู่บ้านเมืองอื่น ชาติอื่น แล้วสักวันคุณจะเข้าใจ”

–>คำถาม 6: คุณทราบมั้ยว่ามีคนไทยที่รักชาติมากมายที่เลือกที่จะอยู่เมืองนอก เพราะมันช่วยเป็นกระบอกเสียง ช่วยสร้าง recognition ให้ประเทศไทยได้มากกว่าการอยู่ในประเทศ?

ด้วยความไม่เคารพ

จากใจคนไทย “ชังชาติ” ในญี่ปุ่น

ปล. ขออนุญาตแคปหน้าจอมาเลย เดี๋ยวจะถูกลบอีก

ปล. 2 หากมีคำตอบ หนูอยากฟังค่ะ Arnond Sakworawich

อ่านสเตตัสนี่จบ ทำให้เราสงสัยในความหมายของการเรียนปริญญาเอก
.
เคยเข้าใจว่า ที่สังคมให้ค่าและฟังคนที่เรียนจบ ป. เอก เพราะ…

โพสต์โดย Jay Pattajit Tangsinmunkong เมื่อ วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม 2021