เมื่อคนเดินทางไม่ได้ Passport หาคู่ทางไกลของ Tinder จึงได้รับความนิยมสูงขึ้น

ในช่วงเวลาที่คนทั้งโลกต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ระวังตัวเองให้รอดพ้นจากโควิด-19 การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดชะงัก เมื่อไม่ได้เดินทางไปประเทศใหม่ ๆ โอกาสที่จะได้พบเจอผู้คนใหม่ ๆ จากหลากหลายที่มาก็ลดน้อยลงไปด้วย ทินเดอร์ (Tinder) แอปพลิเคชั่นหาคู่ยอดนิยมระดับโลก จึงดูตอบโจทย์มากสำหรับคนที่อยากทำความรู้จักคนใหม่ ๆ นอกวงสังคมตัวเอง


ความจำเป็นในช่วงเกิดโรคระบาดอย่างที่ว่ามา ทำให้ช่วงเวลานี้กลายเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานทินเดอร์มากเป็นประวัติการณ์ จากข้อมูลที่ทินเดอร์เปิดเผยว่า วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่มีสถิติการปัดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทินเดอร์ คือ มากกว่า 3 พันล้านครั้ง (การปัด คือ การเลือกคนที่สนใจอยากทำความรู้จัก ปัดขวาคือชอบ ปัดซ้ายคือไม่ชอบ)

วิธีการใช้งาน ทินเดอร์ (Tinder) คือ ผู้ใช้จะต้องปักหมุดเมืองที่ตัวเองอยู่ ซึ่งสามารถเลือกรัศมีการค้นหาผู้คนอื่น ๆ ได้สูงสุด 100 ไมล์ นั่นแปลว่าผู้ใช้จะได้เจอคนที่อยู่ในเมืองเดียวกัน หรือเมืองใกล้ ๆ กันเท่านั้น นั่นคือข้อกำหนดสำหรับผู้ใช้บริการระดับพื้นฐาน (ใช้บริการฟรี) แต่ก็มีตัวเลือกอีกหลายอย่างเพิ่มขึ้นสำหรับคนที่จ่ายเงินเพื่อใช้บริการระดับสูงขึ้นไป

ตัวอย่างฟีเจอร์หนึ่งที่ได้รับความนิยมก็คือ ฟีเจอร์ Passport ที่ผู้ใช้สามารถค้นหาชื่อเมืองทั่วโลก แล้วออกไปปักหมุดเมืองที่ต้องการ เพื่อโอกาสที่จะได้เจอ ได้รู้จักคนจากหลากหลายที่มากขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับการได้เดินทางไปรู้จักคนในต่างประเทศ โดยที่ตัวผู้ใช้บริการไม่ได้เดินทางไปสถานที่นั้นจริง ๆ

ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้อให้เดินทางอย่างในตอนนี้ แต่ผู้คนยังอยากหาคู่ และหาเพื่อนต่างชาติกันอยู่ สมาชิกทินเดอร์ทั่วโลกจึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดยใช้ Passport ปักหมุดของตัวเองไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งทินเดอร์เปิดเผยว่า ประเทศที่ผู้ใช้ทินเดอร์นิยมใช้ฟีเจอร์ Passport ออกไปปักหมุดยังต่างประเทศสูงสุด 4 อันดับแรก ได้แก่ อินเดีย 25% ฝรั่งเศส 20% เยอรมนี 19% และบราซิล 15%

ปกติแล้วฟีเจอร์ Passport จะใช้ได้ในสมาชิก Tinder Plus & Gold เท่านั้น แต่ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติอย่างตอนนี้ ทางบริษัทเจ้าของทินเดอร์ได้เปิดให้ใช้บริการ Passport ฟรี จนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ นับว่าเป็นการช่วยเยียวยาความเบื่อ ความเหงาของผู้คนทั่วโลกได้อีกทางหนึ่ง

เอลี่ ซีดแมน (Elie Seidman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทินเดอร์ จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่เราได้ปล่อยฟีเจอร์ Passport ให้สมาชิกใช้ฟรี เพื่อให้ทุกคนได้เชื่อมถึงกัน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตามบนโลก เราหวังว่าใครก็ตามที่กำลังเผชิญกับความเครียดและกำลังมองหาการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ จะใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อพาตัวเองออกจากการกักตัว และออกไปเผชิญโลกกว้าง เราได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่สมาชิกทินเดอร์ให้กำลังใจและสนับสนุนซึ่งกันละกันในช่วงเวลานี้ เราจึงมีความตั้งใจที่จะส่งต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้ออกไปสู่สังคม ซึ่งเราจะเปิดให้ใช้ฟรีถึงวันที่ 30 เมษายนนี้”

สำหรับผู้ใช้บริการทินเดอร์ที่ต้องการเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ของตัวเอง โดยใช้ฟีเจอร์ Passport ในช่วงเวลาที่เปิดให้ใช้ฟรีนี้ สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียง 4 ขั้นตอน คือ 1.แตะหน้าโปรไฟล์ของคุณ 2.เลือก “ตั้งค่า” 3.แตะ “ตำแหน่งที่ตั้ง” 4.เลือกสถานที่หรือเมืองจุดหมายปลายทาง ซึ่งคุณสามารถปักหมุดได้ 1 สถานที่ ใน 1 ครั้ง แต่สามารถเปลี่ยนจุดหมายปลายทางได้ตลอดเวลา ซึ่งคนที่คุณปัดขวา ขณะที่ใช้ฟีเจอร์ Passport จะยังคงเห็นโปรไฟล์ของคุณอีก 1 วัน หลังจากคุณเปลี่ยนจุดปักหมุด

นอกจากนี้ ทินเดอร์เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในสัปดาห์ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาชิกทั่วโลกมีจำนวนการปัดและมีบทสนทนาเพิ่มขึ้น และมีความยาวมากขึ้นกว่าเดิม โดยมักเริ่มการสนทนาด้วยการถามว่า “คุณโอเคไหม” มากกว่าการส่งอีโมจิเพียงอย่างเดียว บทสนทนาต่อวันเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 20% ทั่วโลก และความยาวของบทสนทนาก็เพิ่มขึ้นถึง 25%

ส่วนในประเทศไทย บทสนทนาต่อวันเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 21% และความยาวของบทสนทนาเพิ่มขึ้นถึง 17% คำที่นิยมใช้มากขึ้นในโปรไฟล์ของสมาชิกเกี่ยวกับสถานการณ์ในช่วงนี้ เช่น อยู่ในบ้าน, ขอให้ปลอดภัย, ระยะห่างทางสังคม, คุณสบายดีไหม