“อัศวิน”เเม่ทัพ”มิราเคิล”ทุ่ม100ล้านสร้างโรงเเรมในสนามบินดอนเมือง-ต่อยอดSleep Box-เลานจ์

หลังประสบความสำเร็จ เสียงตอบรับดีล้นหลาม “Sleep Box สนามบินดอนเมือง” เปิดเฟส 2 ขยายรับกระแสนักเดินทางยุคใหม่ ชูความสะดวกสบาย ไม่ต้องรีบร้อนกลัวตกเครื่องหรือห่วงกังวลกับการฝ่าจราจรรถติด

“Sleep Box” ห้องพักแนวใหม่ภายใต้แนวคิดเดียวกับ “แคปซูล โฮเทล” ที่กำลังเป็นฮอตฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ทั่วโลก กลับมาอีกครั้ง โดย “มิราเคิล กรุ๊ป” จัดการปรับโฉมใหม่ ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ดีไซน์น่าอยู่น่านอน พร้อมทีเด็ด “ห้องน้ำ” จัดเต็มระดับโรงแรมหรู แต่ยังคงราคาเท่าเดิม

“ประชาชาติธุรกิจออนไลน์” พาส่องของใหม่เอี่ยม เปิดห้องประเดิมวันแรก กับ “Sleep Box สนามบินดอนเมือง” เฟส 2 ในอาคารอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ พร้อมเจาะลึกคุยธุรกิจกับบิ๊กบอส “ดร.อัศวิน อิงคกุล” ประธานกรรมการบริหาร มิราเคิล กรุ๊ปถึงคอนเซปต์ ทิศทางธุรกิจ โปรเจ็กต์ต่อไป รวมถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปีนี้และปีหน้า จะรอด-ไม่รอด…ต้องจับตา

“พื้นที่ตรงนี้ถ้าจะขายอาหารคงไปไม่รอด เพราะเหมาะกับการทำธุรกิจที่พักมากกว่า โดยเฟสแรกมีอุปสรรคด้านพื้นที่พอสมควร เพราะเป็นพื้นที่ยาวทำให้วางระบบห้องจำกัด แต่พื้นที่ใหม่ส่วนนี้กว้างกว่าที่เดิมมาก บนพื้นที่ 750 ตรม. สามารถจัดได้ถึง 40-50 ห้อง แต่เราคำนึงถึงผู้โดยสารที่จะเข้ามาใช้บริการว่าเขาต้องมีพื้นที่ส่วนกลาง มีค็อฟฟี่ ช็อป มีพื้นที่ให้ผ่อนคลาย ต้องมีครัวด้วย เพราะช่วงดึกแถวนี้ปิดหมด แต่ของเราเปิด 24 ชม. ดังนั้นเราจึงทำเพิ่มได้แค่ 35 ห้องแต่เป็นห้องใหญ่ รวมของเดิมเฟสแรก 25ห้อง เป็นทั้งหมดที่เรามีตอนนี้ คือ 60 ห้อง”  ดร.อัศวินระบุ

ดร.อัศวิน อิงคกุล ประธานกรรมการบริหาร มิราเคิล กรุ๊ป

ส่วนงบประมาณในการลงทุนนั้น ดร.อัศวิน กล่าวว่า ส่วนนี้ใช้งบทั้งสิ้นราว 60 ล้านบาทและใช้เวลาสร้างประมาณ 3 เดือน ส่วนเรทราคาต้องคงไว้ดังเดิม แม้ว่าจะมีความต้องการจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม เพราะการทำธุรกิจให้ยืนยาวต้องไม่ฉวยโอกาสกับลูกค้า

โดยแม้อาคาร 2 จะมีบริการต่อเครื่อง (Connecting Flight) น้อย แต่ถือเป็นทำเลทอง เนื่องจากลูกค้าภายนอกใช้ได้หมด คนทั่วไปใช้ได้ทุกคน ไม่เฉพาะผู้โดยสารที่ถือตั๋วเท่านั้น

“ความนิยมจากกรุ๊ปทัวร์มีมากขึ้น บางครั้งจองมา 10-15 ห้อง เมื่อก่อนเรารองรับไม่ได้ ไม่เพียงพอกับความต้องการ  แต่พอตอนนี้เรามีถึง 60 ห้อง ต่อให้กรุ๊ปทัวร์ใหญ่มาลงพร้อมกัน เราก็รองรับได้สบาย โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 70 % เป็นคนไทย รองลงมาเป็นชาวจีนและชาวตะวันตก เช่น อังกฤษ สเปน เยอรมนี เพราะไฟลท์บินระหว่างประเทศจะออกตอนประมาณตี3-4  โดยช่วงเวลาที่พีคที่สุดคือหลังสองทุ่มถึง 8 โมงเช้า”

ทั้งนี้ สนามบินดอนเมือง มียอดผู้โดยสารประมาณ 37 ล้านคนต่อปี ถือว่าเพิ่มขึ้น 7.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยจำนวน 250,000 เที่ยวบินต่อปี เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.25 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

“ทุกคนคิดว่าชื่อ Sleep Box แล้วจะไม่มีห้องน้ำ แต่ที่นี่ห้องน้ำใหญ่มาก นั่นคือการคิดถึงลูกค้าเพราะเราทำโรงแรมมาก่อน ธุรกิจนี้โตขึ้นเพราะคนเลี่ยงการจราจร เลี่ยงการตื่นนอนตีสอง เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ จ่ายเพื่อความสะดวก…

เวลาเราลงทุนทำธุรกิจอะไร ต้องมั่นใจก่อนว่ามันไปได้ สร้างมาตรฐานให้รู้ว่าเป็นมิราเคิลแล้วเชื่อใจได้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา…ยังไม่ได้กำไรวันนี้ แต่จะได้กำไรพรุ่งนี้แน่นอน”

ทุ่ม 70 ล้าน ขยายเลานจ์ใหม่ ผุด Transit Hotel สนามดอนเมือง 

เมื่อถามถึงโปรเจ็กต์ต่อไปของ “มิราเคิล กรุ๊ป” ดร.อัศวินเผยว่า กำลังจะเปิด Transit Hotel ในสนามบินดอนเมือง ตึกผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 โดยจะเป็นเป็นคอนเซปต์คล้าย Sleep Box แต่อาจจะเล็กกว่าเพราะมีพื้นที่จำกัด งบประมาณการลงทุน 40-50 ล้าน บนพื้นที่ประมาณ 300-400 ตารางเมตร  คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 3 เดือนข้างหน้า เพื่อรองรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง

นอกจากนี้จะมีการขยายส่วนของ “มิราเคิล เลานจ์” ซึ่งจะอยู่เปิดบนที่พื้นที่เดิมของภัตตาคารการบินไทย อาคาร  1 ใช้เงินลงทุนกว่า 20 ล้านบาท โดยจะมีการรีโนเวทใหม่ทั้งหมด บนพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร คาดจะเปิดช่วงปีใหม่นี้ ส่วนเลานจ์เดิมที่เปิดในอาคาร 2 เที่ยวบินในประเทศ ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี

ด้านกระแสตอบรับของ “มิราเคิล เลานจ์” ในคอนคอร์ส D สนามบินสุวรรณภูมิที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยพื้นที่ 3,500 ตารางเมตรและชูไฮไลต์เด็ด “สวนไผ่กลางแจ้ง” ในเทอร์มินัลแห่งแรกของโลกที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมานั้น

ผู้บริหารมิราเคิล กรุ๊ปบอกว่า ผู้ใช้งานตอนนี้ทะลุเป้า 2,500 คนต่อวัน โดยมีเลานจ์อื่นมาดูงานเป็นต้นแบบ ส่วนสายการบินอื่นๆ ก็มาใช้บริการเลานจ์นี้ เพราะมีความได้เปรียบและประหยัดงบ เช่นใช้คูปองกี่คนก็จ่ายเท่านั้น ไม่ต้องเหมาทั้งไฟลท์ โดยมิราเคิลกำลังมีดีลใหม่กับสายการบินยักษ์ใหญ่อย่าง “สิงคโปร์ แอร์ไลน์”

เมื่อถามว่าในช่วง 2-3 ปีมานี้ “มิราเคิล กรุ๊ป” ขยายธุรกิจเยอะมาก มองสถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวไทยตอนนี้เป็นอย่างไร

“ก็พอไปได้ แต่ช่วงปลายปีนี้แย่ลงหน่อย งานเลี้ยงน้อยลง จัดสัมมนาไม่ได้ ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยฐานรากยังไม่ดี ระดับเงินเดือนยังต่ำ ปล่อยไว้นานๆจะอันตราย อย่ามองแต่ข้างบน ต้องไปดูรากหญ้า คนเดินจับจ่ายซื้อของเยอะไหม กลางคืนคนออกมากินข้าวข้างนอกกันไหม ผมสำรวจตลอด ไปดูธุรกิจอื่นๆ เช่นงานแต่งปีที่แล้ว 60 คู่ ปีนี้เหลือ 40 คู่ ก็ถือว่าลดลงเยอะมาก”

โดยการปรับตัวของธุรกิจท่องเที่ยว ดร.อัศวิน แนะว่า จำเป็นต้อง “ทำอย่างอื่น” ร่วมไปด้วยเช่นการจัดงานอีเวนท์ จัดสัมมนาและรับกรุ๊ปทัวร์เพิ่ม จะรอนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเดียวไม่ได้ รวมถึงการขยายไปทำธุรกิจภาคบริการอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยง ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้า เขามองว่าถ้าประเทศไทยไม่เจอเหตุการณ์ที่เกินคาดหมายมากๆ ทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลก ก็คงฟื้นตัวขึ้นมาได้

 

พาเเกะกล่อง “Sleep Box” เฟส2 เก๋ไก๋สบายระดับโรงเเรมหรู

สังเกตง่ายหาไม่ยาก สำหรับ “Sleep Box” เฟสสอง ในสนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ชั้น 4 โดยจะอยู่ทางประตูที่ 15 ติดกับร้านแมคโดนัลด์ และตรงข้ามกับ miracle co-working space

ห้องพักมีการตกแต่งด้วยคอนเซปต์โมเดิร์น ใช้โทนสีขาว ดำและน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกโล่ง โปร่งสบาย ด้วยขนาดห้องที่กว้างขึ้นเป็น 18 ตารางเมตร (จากเดิมเฟส 1 ห้องละ 15 ตารางเมตร)  มีเครื่องอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานโรงแรม และตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคด้วยการขยายพื้นที่ “ห้องน้ำ” ให้กว้างขวางและสะอาดสวยงาม

โดย “Sleep Box” โซนใหม่นี้จะมีค็อฟฟี่ ช็อป ห้องอาหารและเลานจ์ส่วนตัว พร้อมทั้งบริการนวดผ่อนคลายทั้งแผนไทยและอโรมา ตลอด 24 ชั่วโมง ราคาเข้าพักอยู่ที่ห้องละ 500 บาทในชั่วโมงแรก ถัดไปคิดชั่วโมงละ 300 บาท ส่วนการพักแบบโอเวอร์ไนท์ ช่วง 20.00 น.-06.00 น. จะอยู่ที่ห้องละ 2,500 บาท รวมคูปองอาหาร ส่วนใครที่อยากใช้บริการ “อาบน้ำ” อย่างเดียวก็มีให้เช่นกันด้วยราคา 300 บาท

ถูกใจนักเดินทางยุคใหม่ไปตามๆกัน…