
ประเดิมเป็นแมตช์แรกในทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2022 ญี่ปุ่น-โครเอเชีย ต้องสู้กันถึงฎีกา ดวลจุดโทษ หลังซัดประตูในเกม 90 นาที กันคนละลูก และเป็นโครเอเชียที่เอาชนะได้ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันที่ 5 ธันวาคม 2565 ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สนามอัล จานูบ สเตเดี้ยม ซามูไรบลูส์ “ทีมชาติญี่ปุ่น” พบ ตาหมากรุก “ทีมชาติโครเอเชีย“
- เปิด 10 อันดับ เมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
- เชียงใหม่ จากเมืองท่องเที่ยวยอดฮิต เป็น “บ้านหลังที่ 2” ของคนจีน
- เปิดประวัติตะวัน-แบม 2 นักกิจกรรมการเมืองอดอาหารแลกอิสรภาพ
ทัพซามูไรผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะแชมป์กลุ่ม E ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงในการเบียดเอาชนะเยอรมนีและสเปนมาได้ ส่วนโครเอเชียก็เป็นรองแชมป์กลุ่ม เอฟ จากฟอร์มที่คงเส้นคงวา


เกมนี้โครแอตนำมาโดยกัปตันทีมจอมเก๋า ลูก้า โมดริช โดยสภาพทีมถือว่าสมบูรณ์ทีเดียว ส่วนญี่ปุ่นขาดปราการหลังตัวหลักอย่าง โค อิตาคุระ ที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลือง
เริ่มเกมมาไม่นานเพียง 3 นาที เป็นญี่ปุ่นที่มีโอกาสได้ทักทายก่อน จากลูกสูตรของจังหวะเตะมุม โดยโชโกะ ทานิงูชิ ได้โขกหลุดเสาออกไปไม่ไกล
ถัดมาเป็นโครแอตที่มีโอกาสบ้าง จากความผิดพลาดของ ทาเคฮิโระ โทยามิสุ ทำให้ อิวาน เปริซิช ได้กดเน้น ๆ จากทางซ้าย แต่เป็น ชูอิจิ กอนดะ นายทวารทีมชาติญี่ปุ่นที่เชฟเอาไว้ได้

เกมผ่าน 30 นาที ทีมตาหมากรุกครองบอลมากกว่าชัดเจน โดยพยายามโจมตีด้วยลูกโด่งจากด้านข้าง ส่วนญี่ปุ่นก็ช่วยกันเล่นได้ดี และบุกได้วูบวาบเมื่อมีโอกาส ด้วยบอลเท้าสู่เท้า
ญี่ปุ่นเฮก่อนจากมาเอดะ
ช่วง 5 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา เป็นญี่ปุ่นที่ได้ขึงอยู่พักใหญ่ จนมาได้ประตูขึ้นนำจากลูกสูตรของจังหวะเตะมุม ที่พยายามเปิดบอลเข้าไปลุ้นหน้าประตูอยู่หลายครั้ง ไดเซ็น มาเอดะ ที่ยิงเข้าไปในนาทีที่ 43 ประเดิมประตูแรกในฟุตบอลโลกให้กับตัวเอง และพาทัพซามูไรบลูส์ออกนำ 1-0 ในช่วงเวลาสำคัญ


ครึ่งหลังโครแอตยิงไล่ตีเสมอ
เริ่มเกมช่วงครึ่งเวลาหลัง เป็นญี่ปุ่นที่ได้ทักทายก่อน จากไดจิ คามาดะ แต่ก็ยิงไกลออกไปไม่ได้ลุ้นเท่าใดนัก
ทัพตาหมากรุกเล่นตามเกมไปเรื่อย ๆ จากนั้นก็มาได้ประตูตีเสมอ จากการเปิดของเดยัน ลอฟเรน และเป็น อิวาน เปริซิช ที่ขึ้นโขกบริเวณกรอบเขตโทษ บอลเสียบหน้าต่างเข้าไปอย่างสวยงาม ในนาทีที่ 55 พาโครแอตกลับคืนสู่เกม

ถัดมาไม่นานญี่ปุ่นเกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะยิงไกลของวาตารุ เอ็นโดะ แต่โดมินิก ลิวาโควิช ยังผวาปัดข้ามคานไปได้
ในนาทีที่ 63 โครเอเชียเกือบได้ประตูขึ้นนำเช่นกัน ลูก้า โมดริช ได้วอลเลย์ลูกใบไม่ร่วงเน้น ๆ หน้ากรอบเขตโทษ บอลกำลังจะฮุกเสียบใต้คาน แต่กอนดะ ยังทยานมาปัดไว้ได้ เรียกว่ายอดเยี่ยมทั้งคนยิงและคนเซฟ
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม ทั้งคู่ยังคงบุกใส่กันเป็นระยะ แต่ก็มีแค่จังหวะหวาดเสียว ยิ่งใกล้หมดเวลาทั้งคู่ก็เริ่มเน้นการครองบอลและไม่ผลีผลามบุก จบเกมจึงทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ต้องไปสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ช่วงต่อเวลาครึ่งแรก มาเตโอ โควาซิช และลูก้า โมดริช 2 กองกลางตัวเก๋าของโครแอต ถูกเปลี่ยนตัวออก เพื่อเพิ่มความสดให้กับทีม
โอกาสได้ลุ้นจะแจ้งเป็นของ คาโอรุ มิโตมะ ที่โซโล่มาและจริงไกลหน้ากรอบเขตโทษ ทำให้ผู้รักษาประตูทีมโครแอตต้องผวาปัดออกไป

15 นาทีแรกของการต่อเวลา ยังไม่มีสกอร์เพิ่ม โดยเกมช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสภาพร่างกายของนักเตะ และเป็นญี่ปุ่นที่ดูฟิตมากกว่า
ต่อเวลาพิเศษ
เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังการต่อเวลา โครเอเชียได้ครองบอลกดดัน และใช้ข้อได้เปรียบจากบอลโยน ทำให้ญี่ปุ่นต้องตั้งรับและเล่นในจังหวะสวนกลับ แต่ทั้งคู่ก็ยังทำอะไรกันไม่ได้ 120 นาที เสมอกันที่สกอร์ 1-1 และต้องดวลกันถึงฎีกาที่จุดโทษ
ญี่ปุ่นไม่ละเอียดพอ พลาดถึง 3 จาก 4 คน ทาคูมิ มินามิโนะ, คาโอรุ มิโตมะ และกัปตันทีม มายะ โยชิดะ ที่ยิงไปติดเซฟ โดมินิก ลิวาโควิช ผู้รักษาประตู ขณะที่ผู้เล่นโครเอเชียแม่นโทษมากกว่าพลาดเพียงคนเดียว จึงเอาชนะ ญี่ปุ่นไปได้ด้วยสกอร์ 3-1
โครเอเชียผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยพบกับ บราซิล (อัพเดตเวลา 04.00 น.) ส่วนญี่ปุ่น แม้แฟน ๆ จะผิดหวัง แต่ในโลกโซเชียลต่างชื่นชมผลงานและให้กำลังใจพัฒนาทีมต่อไป

…..