เรอัล มาดริด ชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-0 คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 15

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

เจ้าแห่งยุโรป เรอัล มาดริด ชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 15 ไปครองได้สำเร็จ

วันที่ 2 มิถุนายน 2567 ศึกฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2023-24 คู่ระหว่าง “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พบ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ณ สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ

สำหรับตำนานนักเตะที่เป็นคนเชิญถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีนี้ ได้แก่ ซีเนอดีน ซีดาน ตำนานเรอัลมาดริด และ คาร์ลไฮน์ซ รีดเล่ ตำนานดอร์ทมุนด์ ซึ่งทั้งคู่เคยดวลกันในนัดชิงรายการนี้เมื่อปี 1997 สมัยที่ ซีดาน อยู่กับยูเวนตุส และรีดเล่ อยู่กับดอร์ทมุนด์ โดยเกมนั้นดอร์ทมุนด์ ชนะ ยูเวนตุส ไป 3-1 ประตู

รายชื่อ 11 ตัวจริง

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

ดอร์ทมุนด์ : เกรกอร์ โคเบล (GK), ยูเลียน ไรเออร์สัน, มัตส์ ฮุมเมลส์, นิโก ชลอตเตอร์เบ็ค, เอียน มาตเซน, เอ็มเร่ ชาน, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, คาริม อเดเยมี่, ยูเลี่ยน บรันด์ท์, เจดอน ซานโช่, นิคลาส ฟูลล์ครูก

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

เรอัล มาดริด : ธิโบต์ กูร์กตัวส์ (GK), ดานี่ การ์บาฆาล, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, นาโช เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็อง เมนดี้, เฟเดริโก้ บัลเบร์เต้, เอดูอาร์โด คามาวิงก้า, โทนี่ โครส, จู๊ด เบลลิงแฮม, โรดรีโก้, วินิซิอุส จูเนียร์

ครึ่งแรก ดอร์ทมุนด์บุกมันส์แต่ไร้สกอร์

เกมเริ่มได้ไม่ถึง 30 วินาทีเท่านั้น ก็เกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนในสนาม โดยมีแฟนบอลวิ่งลงไปขอถ่ายรูปกับจู๊ด เบลลิงแฮม ทำให้เกมต้องหยุดไปราว 2 นาทีก่อนจะกลับมาเตะอีกครั้ง

ADVERTISMENT

โอกาสแรกของเกมนี้ต้องรอถึงนาทีที่ 12 เป็น เฟเดริโก้ บัลเบร์เต้ ของมาดริด ได้ยิงด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลโด่งข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไร

นาทีถัดมาดอร์ทมุนด์ก็ได้โอกาสบ้างจากจังหวะทำเกมขึ้นมา และเป็นยูเลี่ยน บรันด์ท์ ได้ยิงจากทางซ้าย แม้บอลหลุดกรอบไป แต่ถือว่าทักทายได้น่ากลัวว่ามาดริด

ADVERTISMENT
UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

นาทีที่ 21 ดอร์ทมุนด์ได้โอกาสทอง จากจังหวะที่อเดเยมี่หลุดกับดักล้ำหน้า และได้เข้าไปดวลเดี่ยวกับธิโบต์ กูร์กตัวส์ แต่เจ้าตัวเลือกแตะหลบทำให้มุมเหลือน้อยลง ก่อนที่การ์บาฆาล จะตามลงมาบล็อกได้ทัน

นาทีที่ 23 ดอร์ทมุนด์ได้โอกาสทองอีกครั้งติด ๆ กัน เมื่อมาดริดเสียบอลกลางสนาม และเป็นฟูลล์ครูก ที่ได้เหยียดขายิง แต่บอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ดีหากลูกนี้เป็นประตู ต้องไปเช็คจังหวะล้ำหน้าอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากก้ำกึ่งพอสมควร

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

นาทีที่ 28 ดอร์ทมุนด์ มีจังหวะได้ลุ้นอีกครั้ง อเดเยมี่ ใช้ความเร็ววิ่งตัดหลังการ์บาฆาล และได้ยิงไปติดเซฟ ธิโบต์ กูร์กตัวส์ แม้ฟูลล์ครูก พยายามจะซ้ำแต่ก็ไม่ทัน เรียกได้ว่าดอร์ทมุนด์มีโอกาสขึ้นนำถึง 3 จังหวะติด ๆ กันในช่วงไม่กี่นาที แต่สกอร์ยังคง 0-0

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

นาทีที่ 41 ดอร์ทมุนด์ มีโอกาสท้ายครึ่งแรก เป็นซาบิตเซอร์ ได่ลองส่องไกลด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเรียด แต่ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ล้มตัวพุ่งเซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

จบครึ่งเวลาแรก มาดริดครองบอลเหนือกว่า 58% ต่อ 42% แต่จังหวะลุ้นประตูดอร์ทมุนด์กลับมากกว่า ยิงไป 8 ครั้ง ตรงกรอบ 3 ครั้ง ส่วนมาดริดมีโอกาสยิงเพียง 2 ครั้ง เข้ากรอบ 0 ครั้ง แต่ยังทำอะไรกันไม่ได้สกอร์ยังคง 0-0

ครึ่งหลังมาดริดเบิ้ลสอง

นาทีที่ 49 เริ่มต้นครึ่งเวลาหลังได้ไม่นาน มาดริดเกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะฟรีคิกของโทนี่ โครส ที่ได้บรรจงปั่นเสาแรก บอลกำลังจะเสียบสามเหลี่ยม แต่เกรกอร์ โคเบล ยังพุ่งมาปัดไว้ได้

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

นาทีที่ 62 ดอร์ทมุนด์ได้จังหวะทำประตูเช่นกัน อเดเยมี่ เปิดไปให้ ฟูลล์ครูก ได้ทิ้งตัวโขกเน้น ๆ แต่ธิโบต์ กูร์กตัวส์ยังยืนตำแหน่งดี ปัดบอลออกไปได้

นาทีที่ 72 เอดิน แทร์ซิช ตัดสินใจแก้เกมด้วยการส่ง มาร์โก รอยส์ ลงสนามแทนเปลี่ยนแทนอเดเยมี่ ซึ่งนัดนี้จะเป็นนัดสุดท้ายของร้อยส์กับดอร์ทมุนด์

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

นาทีที่ 74 และแล้วประตูแรกของเกมก็เกิดขึ้น มาดริดได้ลูกเตะมุม และเป็นการ์บาฆาล ที่ได้โฉบมาโขก ส่งบอลซุกก้นตาข่าย พาราชันชุดขาวออกนำ 1-0 ทั้งที่รูปเกมเป็นรองดอร์ทมุนด์

นาทีที่ 77 มาดริด เกือบได้ประตูที่ 2 จู๊ด เบลลิงแฮม ได้ยิงแบบเน้น ๆ บริเวณใกล้จุดโทษ แต่เป็นชลอตเตอร์เบ็ค ที่ยื่นขามาสกัดได้แบบหวุดหวิด ทำให้เกมยังคง 1-0

นาทีที่ 81 มาดริดเกือบได้ประตูอีกครั้ง จากจังหวะบรรจงปั่นของคามาวิงก้า แต่เกรกอร์ โคเบล ยังพุ่งมาปัดไว้ได้

UEFA Champions League final football match between Borussia Dortmund and Real Madrid
AFP

นาทีที่ 83 มาดริด ก็มาได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะผิดพลาดของดอร์ทมุนด์ เอียน มาตเซน จ่ายบอลขวางสนามไปเข้าทาง วินิซิอุส จูเนียร์ ได้ยิงด้วยเท้าซ้าย บอลผ่านมือ เกรกอร์ โคเบล เข้าประตูไป

นาทีที่ 87 ดอร์ทมุนด์ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้แล้ว โดยการโขกของ ฟูลล์ครูก แต่ต้องถูกยึดประตูคืนเนื่องจากเจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า

จบเกมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ มาดริด เอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ไปด้วยสกอร์ 2-0 คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 15 ไปครองได้สำเร็จ