พิพัฒน์ ยันเดินหน้าชง ศบค. เปิดผับตี 4

พิพัฒน์ ยันเดินหน้าชง ศบค.เปิดผับตี 4
ภาพจาก มติชน

“พิพัฒน์” ยันเดินหน้าชง ศบค. ชงเปิดผับตี 4 ย้ำต้องจัดโซนนิ่งเหมาะสม ไม่กระทบชาวบ้าน เผยปิดผับเร็ว ไม่สอดคล้องพฤติกรรมนักท่องเที่ยว รับได้หากโดนด่า

วันที่ 11 สิงหาคม 2565 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากที่ก่อนหน้านี้ตนเคยให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดขยายเวลาการเปิดสถานบันเทิงจากเดิมเวลา 02.00 น. เป็น 04.00 น. นั้น ตนยังยืนยันแนวคิดเดิม แต่ต้องเป็นการจัดโซนนิ่งอย่างเหมาะสม

โดยการจัดโซนนิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อภาครัฐห้ามไม่ให้เปิด แล้วภาคเอกชนก็แอบเปิด อาจมีการปิดประตูปิดบังเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีความเสี่ยงการนำไปสู่โศกนาฏกรรม แต่หากสามารถเปิดได้ถึงตี 4 ทุกอย่างโปร่งใส และไม่ต้องกลัวว่าจะมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้น

อีกทั้งพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติบางประเทศเริ่มมื้ออาหารในช่วงค่ำ-ดึก กว่าจะเริ่มดื่มสังสรรค์ก็อาจเป็นช่วงหลังเที่ยงคืนไปแล้ว แต่เมื่อมีกฎเกณฑ์ 02.00 น. สถานบันเทิงก็ต้องปิดร้าน ซึ่งไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว

“ผมขอสื่อถึงทุกคน ไม่ว่าราชการหรือเอ็นจีโอ ไม่ว่าจะต่อต้านการดื่มแอลกอฮอล์อย่างไร หลังตีสองเขาก็สามารถไปซื้อกินได้จากร้านสะดวกซื้อ แล้วอาจนำไปดื่มในที่ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ถ้าหากมีการจัดโซนนิ่งจะช่วยลดความเสี่ยงกรณีนี้ได้ด้วย” นายพิพัฒน์กล่าว

แม้ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์บางส่วนอาจต่อว่าตนจากการเสนอแนวคิดดังกล่าว นายพิพัฒน์ยืนยันว่าตนจะเดินหน้าเสนอแนวคิดนี้ต่อ และเมื่อได้รับการประสานงานจากผู้ประกอบการแต่ละท้องถิ่นแล้ว จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

“ใครว่าผมผมก็รับได้ เพราะผมกำลังพูดความจริง ผมกำลังพูดถึงคน หรือนักท่องเที่ยวจริง ๆ เหมือนเวลาผมไปเที่ยวต่างประเทศ ผมก็ตะลุยถึงตีสี่ตีห้าตลอด บอกให้ผมสามทุ่มกลับไปนอน มันไม่ใช่อ่ะครับ ผมไปเที่ยว ไม่ใช่ผมไปนอน” นายพิพัฒน์กล่าว

นายพิพัฒน์กล่าวว่า ทางกระทรวงได้แจ้งให้ผู้ประกอบการแต่ละพื้นที่รวมกลุ่มกัน แล้วร่วมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าต้องการจัดโซนนิ่งที่ใดบ้าง เช่น กรุงเทพมหานคร หากผู้ประกอบการถนนข้าวสารต้องการจัดโซนนิ่งขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 ก็สามารถรวมกลุ่มกัน แล้วเข้าหารือร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

จากนั้น ให้ผู้ประกอบการแจ้งผลการหารือกลับมายังกระทรวง หากท้องถิ่นเห็นด้วย ทางกระทรวงจะหาแนวทางผลักดันแนวคิดดังกล่าว พร้อมหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อปลดล็อกข้อกำหนดต่าง ๆ รวมถึงออกมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัย

ทั้งนี้ พื้นที่โซนนิ่งดังกล่าวต้องไม่รบกวนประชาชนในละแวกใกล้เคียง แต่หากชาวบ้านเห็นด้วย หรือได้ประโยชน์จากการค้าขายถือว่าจบส่วนตรงนี้ไป

สำหรับพื้นที่นำร่องจัดโซนนิ่งขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. พิจารณาพื้นที่นำร่อง ได้แก่ อ่าวนาง กระบี่, เขาหลัก พังงา, หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์, บางลา ภูเก็ต, วอล์คกิ้งสตรีทพัทยา ชลบุรี, เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่

“เราจะพยายามผลักดันโครงการดังกล่าวให้ทันภายในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เห็นเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการตอบกลับมาทางกระทรวง” นายพิพัฒน์ กล่าว