คอลัมน์ : สัมภาษณ์
กลับมาเปิดเกมรุกกันเต็มที่แล้วสำหรับภาคธุรกิจโรงแรม หลังจากบรรยากาศการเดินทางผ่อนคลายอย่างชัดเจน ทั้งการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ และทั้งตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป และนักเดินทางเพื่อธุรกิจ รวมถึงงานประชุมสัมมนา
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่โดยเฉพาะรายใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเกิดความเชื่อมั่นในการกลับมาพลิกฟื้นธุรกิจกันอีกครั้ง พร้อมทั้งปรับยุทธศาสตร์ วางโพซิชันนิ่งโปรดักต์กันใหม่ เพื่อให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลังโควิด
“ชิดชนก พศินพงศ์” ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมอวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์ว่า อวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมขนาด 382 ห้องพัก พร้อมห้องประชุมสัมมนาและจัดเลี้ยง พื้นที่รวม 1,076 ตารางเมตร
พร้อมแพ็กเกจการจัดประชุมที่หลากหลาย ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านอ่อนนุช-พระโขนง เป็นโรงแรมในเครืออวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ที่ตอบโจทย์ทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปี 2562
ปัจจุบันโรงแรมได้รับกระแสตอบรับที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยต่อวันมีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 70-80% ขณะที่อัตราการใช้บริการห้องประชุมและการจัดงานอยู่ที่ 50-60%
“ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นลูกค้าภายในประเทศ โดยเฉพาะงานประชุมขนาด 20-40 คนที่เลื่อนการจัดมานาน รวมถึงงานแต่งงาน พอไตรมาส 2 สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย เริ่มมีลูกค้าประชุม และนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาแล้ว เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย”
และงานดังกล่าว ทำให้มีจำนวนห้องพักที่มาพร้อมกับงานประชุมสัมมนาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 3 นี้ โดยมีห้องพักที่มีบุ๊กกิ้งพร้อมกับงานประชุมสัมมนาถึง 15-20% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด และเชื่อว่าจะดีต่อเนื่องยาวไปถึงปี 2566
“ชิดชนก” บอกว่า ขณะนี้พบว่าตลาดโดยรวมของธุรกิจโรงแรมเปลี่ยนไปหลาย ๆ ด้าน คือ 1.พฤติกรรมการจองล่วงหน้าสั้นลง จากเดิมเคยจองล่วงหน้า 1-2 เดือนมาเป็นแค่ 1-2 สัปดาห์ ทำให้ต้องปรับรูปแบบการให้บริการมีความยืดหยุ่นที่สูง
และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 2.เกิดการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากตลาดการท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศยังกลับมาได้ไม่เท่าเดิม ความคุ้มค่าและบริการที่แตกต่างจึงมีความสำคัญสูงมาก
และ 3.คนทำงานเริ่มคุ้นชินกับการทำงานในรูปแบบ work from home หรือ work from anywhere ดังนั้น ผู้จัดงานประชุมสัมมนาต้องเน้นทำให้คนอยากเข้าร่วมและรับคุณค่าจากการจัดสัมมนามากที่สุด
และจากการคาดการณ์ของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ TCEB ที่ระบุว่าภายในไตรมาส 3 ของปี 2565 จะมีนักเดินทางไมซ์จากทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามากว่า 6.13 ล้านคน
คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 28,400 ล้านบาทให้กับประเทศไทย บวกกับข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตที่พบว่า ตั้งแต่การเกิดสถานการณ์โรคระบาด หนึ่งในเทรนด์พฤติกรรมแบบ new normal กับชีวิตวิถีใหม่ของผู้คนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงกลุ่มนักธุรกิจ คือการหันมาดูแลและใส่ใจสุขภาพของตนเองและคนรอบข้างมากยิ่งขึ้น
จากทิศทางดังกล่าวนี้ ทำให้โรงแรม “อวานี สุขุมวิท” ปรับยุทธศาสตร์เพิ่มโอกาสทางการแข่งขันทางธุรกิจไมซ์ โดยชูจุดแข็งในส่วนของพื้นที่จัดงานและห้องประชุมให้ตอบรับความสนใจที่เปลี่ยนไป หลังสถานการณ์โรคระบาด
เพิ่มคุณค่าและสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับการประชุมสัมมนาผ่านกิจกรรมเสริมหลัก ๆ 3 ส่วน ได้แก่ ความบันเทิง การดูแลสุขภาพ และกิจกรรมที่เหมาะกับความต้องการในแบบ mix and match
ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Meet-ertainment” (meeting & entertainment) ผ่านแพ็กเกจการจัดประชุมที่ผสานระหว่างการประชุมสัมมนากับความบันเทิงและเทรนด์การดูแลสุขภาพ (meeting+entertainment+wellness)
โดยแพ็กเกจ Meet-ertainment ประกอบด้วย 3 ตัวเลือก ได้แก่ 1.แพ็กเกจ Meet and Play ที่ผสานการประชุมมื้อเที่ยงเพื่อสุขภาพ และความบันเทิงของการรับชมภาพยนตร์ไว้ด้วยกัน
2.แพ็กเกจ Boost It Up Your Way ที่ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ผ่านการเติมวิตามินเข้าสู่ร่างกายที่สามารถทำได้ทั้งในขณะประชุม หรือระหว่างพัก และ 3.แพ็กเกจ Mix & Match ที่ให้ผู้จัดประชุมได้เลือกเสริมกิจกรรมระหว่างประชุมได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมเพื่อความบันเทิง กิจกรรมเพื่อสุขภาพกาย
หรือกิจกรรมที่เสริมสุขภาพใจในแบบ conscious chill ที่มีให้เลือกมากกว่า 10 ชนิด อาทิ การทำสมาธิกับกิจกรรมเสียงบำบัด sinking bowl กิจกรรม ecstatic dance หรือการเต้นเพื่อปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเสียงเพลง เป็นต้น
ทั้งนี้ คาดว่าบริการภายใต้คอนเซ็ปต์ Meet-ertainment จะช่วยทำให้โรงแรมมีจำนวนนักธุรกิจและผู้ใช้ห้องประชุมและจัดอีเวนต์เพิ่มขึ้นกว่า 90% ภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะช่วยทำให้รายได้โดยรวมเพิ่มขึ้นกว่า 70% ภายในไตรมาส 1 ปี 2566 เมื่อเทียบกับไตรมาสนี้
และด้วยทำเลที่ตั้งที่การเดินทางสะดวก เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช และตัวโรงแรมที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเซ็นจูรี่ เดอะ มูฟวี พลาซ่า อ่อนนุช จึงเชื่อว่า “อวานี สุขุมวิท กรุงเทพฯ” จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรม ไมซ์ของประเทศ ด้วยบริการประชุมในมิติใหม่ที่มาพร้อมความบันเทิง และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้อย่างลงตัว
เช่นเดียวกับในส่วนของห้องพักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 โดยบางเดือนมีอัตราการเข้าพัก 70-80% สูงกว่าช่วงก่อนโควิด ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4 นี้
โรงแรมคาดว่าจะขยับราคาห้องพัก (room rate) ให้สอดรับกับดีมานด์อีกประมาณ 15-20% เมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบัน และคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักจะเพิ่มขึ้นเป็น 75-80%
โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ อินเดีย มิดเดิลอีสต์ ฯลฯ ซึ่งนักท่องเที่ยวดังกล่าวกระจายตัวสู่พระโขนง อ่อนนุช บางนา อย่างชัดเจนแล้ว