“โกลเด้นโดม” เด้งรับทัวร์ฟื้น ทุ่ม 80 ล้าน ยกระดับคาบาเร่ต์โชว์สู่บรอดเวย์

โกลเด้นโดม

“โกลเด้นโดม” ทุ่มงบฯ 80 ล้านรีโนเวตครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี ตั้งแต่บริเวณหน้าอาคาร ล็อบบี้ เธียเตอร์ ยันที่จอดรถ หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยโตต่อเนื่องทุกเดือน พร้อมยกระดับ “คาบาเร่ต์โชว์” เทียบชั้นโชว์บรอดเวย์ เพิ่มความครึกครื้น สนุกสนาน อัดแสง สี เสียง เต็มที่ รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกตลาด ชี้หลังโควิดผู้ประกอบการกลับมาได้แค่ 3-4 แห่ง ดีกรีการแข่งขันลดลง แต่คุณภาพมากขึ้น

นายบุญชัย ทองประเสริฐ เจ้าของและผู้อำนวยการ บริษัท โกลเด้นโดม คาบาเร่ต์โชว์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ให้บริการ “คาบาเร่ต์โชว์” ณ โกลเด้นโดม รัชดา ซอย 18 เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทได้ลงทุนเพิ่มเติมไปประมาณ 80 ล้านบาท สำหรับรีโนเวตโกลเด้นโดมครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี

ทั้งนี้ เพื่อให้โชว์สามารถกลับมาให้บริการอีกครั้งหลังจากปิดให้บริการชั่วคราวไปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 หรือเกือบ 3 ปี ประกอบกับที่ผ่านมาประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นชัดเจนอย่างต่อเนื่องทุกเดือน

ยกระดับโชว์สู่ “บรอดเวย์”

โดยบริษัทได้ทำการปรับใหม่ทั้งในส่วนของสถานที่ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าอาคารซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ทรงโรมัน ล็อบบี้ เธียเตอร์ ฯลฯ รองรับได้ทั้งหมด 740 ที่นั่ง รวมถึงที่จอดรถ และในส่วนของโชว์ ซึ่งได้กลับมาเปิดให้บริการโชว์คาบาเร่ต์อีกครั้งจากนักแสดงกว่า 50 คน ตั้งแต่ 26 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา

“ในส่วนของโชว์เราได้ปรับจากเดิมที่เป็นคาบาเร่ต์แบบโชว์สาวประเภทสอง ตอนนี้เราทำโชว์ที่เป็นนานาชาติมากขึ้น สอดแทรกโชว์เพลงซึ่งเป็นเพลงเหมือนโชว์บรอดเวย์ 2-3 เพลง และเป็นโชว์เพลงที่เป็นสไตล์ครึกครื้น เล่นไฟเต็มที่เหมือนในผับ 2 เพลง โดยจะเน้นเพลงและโชว์ที่จะทำให้คนที่มานั่งดูชั่วโมงกว่า ๆ มีความต่อเนื่อง สนุกสนานเพิ่มขึ้นตลอดการโชว์” นายบุญชัยกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเน้นการพัฒนาและสร้างสรรค์โชว์ที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทุกตลาด ทั้งจีน เวียดนาม เกาหลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย ฯลฯ ที่สำคัญ จำนวนที่นั่งมากทำให้ได้เปรียบในแง่ของการตั้งราคาตั๋วเข้าชม

ประกาศความพร้อมเรียกแขก

นายบุญชัยกล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดให้บริการนั้น บริษัทให้บริการวันละ 1 รอบ ช่วงเวลา 19.00 น. เพื่อเป็นการทดลองตลาด และสร้างการรับรู้ว่าโชว์คาบาเร่ต์ที่โกลเด้นโดม ถนนรัชดาฯซอย 18 กลับมาเปิดให้บริการแล้ว อีกทั้งเป็นการส่งสัญญาณและสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวและคู่ค้าหลักซึ่งเป็นบริษัททัวร์นำรายการโชว์ไปบรรจุไว้ในโปรแกรมนำเที่ยว

“ก่อนโควิดเราเปิดบริการวันละ 5-6 รอบ มีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนเข้ามาดูโชว์ประมาณ 4,000-5,000 คนต่อวัน เนื่องจากสถานที่เดินทางสะดวก อยู่ใจกลางเมือง ตอนนี้เราวางไว้แค่ 1-2 รอบต่อวัน เพราะว่าตลาดจีนยังไม่เปิด ทัวร์เวียดนาม อินเดีย ก็เข้ามาแต่ยังไม่มากนัก”

นายบุญชัยกล่าวและว่า สำหรับลูกค้ากลุ่มชาวต่างชาติที่กลับมาใช้บริการแล้วในขณะนี้ คือ ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม จีน ไต้หวัน ฯลฯ โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ส่วนกรุ๊ปทัวร์ก็เริ่มมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน เช่น เวียดนาม ไต้หวัน ฮอลแลนด์ เป็นต้น หากได้รับการตอบที่ดี บริษัทก็พร้อมที่จะเพิ่มรอบโชว์ทันที

มุ่งขายผ่าน “บริษัททัวร์”

นายบุญชัยกล่าวด้วยว่า แม้ว่าปัจจุบันมีเทคโนโลยีและช่องทางออนไลน์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่บริษัทยังคงเน้นทำการตลาดผ่านบริษัททัวร์ ซึ่งเป็นคู่ค้ากันมาเป็นเวลานานเหมือนเดิม เนื่องจากเป้าหมายในการลงทุนทำโชว์คือ อยากทำให้โกลเด้นโดมเป็นสถานที่ที่ทำให้บริษัททัวร์ได้ทำธุรกิจ โดยบริษัทจะมีราคาให้กับบริษัททัวร์ที่ไม่สูงนัก เพื่อให้บริษัททัวร์สามารถนำไปทำการตลาดและทำธุรกิจต่อ เติบโตและพลิกฟื้นไปพร้อมกัน

“ผมยืนยันว่าจะขายผ่านเอเย่นต์ทัวร์เท่านั้น ไม่ทำการตลาดเอง หรือเปิดขายออนไลน์เอง ไม่ไปตัดช่องทางการตลาดของคู่ค้า เพราะผมเปิดมาเพื่อให้เอเย่นต์เขามีกำไร เราพอใจในส่วนที่เป็นรายได้ของเรา สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเองไม่ได้มากับกรุ๊ปทัวร์ ถ้าเขาเข้าไปซื้อตั๋วดูโชว์ในช่องทางออนไลน์ ช่องทางออนไลน์นั้น ๆ ก็จะเป็นของเอเย่นต์ทัวร์เช่นกัน” นายบุญชัยกล่าว

แบก “ขาดทุน” ถึงสิ้นปีนี้

นายบุญชัยกล่าวต่อไปว่า ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565 ที่กลับมาเปิดให้บริการนั้น บริษัทยังอยู่ในภาวะที่ขาดทุน แต่ก็จำเป็นต้องเปิดเนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้ทุกประเทศเปิดแล้ว มีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น แต่เชื่อว่าหากไม่มีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงไปกว่าปัจจุบัน ธุรกิจจะกลับมาได้ในช่วงประมาณเดือนธันวาคม 2565 นี้ หรือช้าสุดคือต้นปี 2566

โดยขณะนี้มีบริษัททัวร์จำนวนมากได้นำรายการโชว์ไปบรรจุไว้ในโปรแกรมการขายทัวร์แล้ว เช่น เวียดนาม ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น

“ตอนนี้ผมประเมินว่าถ้าได้ลูกค้าสักประมาณ 1 หมื่นคนต่อเดือน ธุรกิจจะอยู่ในจุดคุ้มทุน ซึ่งส่วนตัวคาดว่าน่าจะสามารถทำได้ในเดือนธันวาคมนี้ ตอนนี้เฉพาะบุ๊กกิ้งล่วงหน้าของเวียดนามและไต้หวันรวมกันก็ได้มาประมาณ 8,000-9,000 คนแล้ว” นายบุญชัยกล่าว

และว่า สำหรับตลาดจีนนั้นประเมินว่าต้องรอลุ้นในช่วงต้นปี 2566 โดยที่ผ่านมารัฐบาลจีนก็มีการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างจีนและไทยเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังเป็นการเปิดเพื่อธุรกิจ แต่กลุ่มนักธุรกิจจีนที่เดินทางมาด้วยตัวเองก็นิยมดูโชว์เช่นกัน และมั่นใจว่ารัฐบาลจีนจะทยอยเปิดประเทศตามลำดับ

เหลือคู่แข่งแค่ 3-4 ราย

นายบุญชัยกล่าวอีกว่า ภาพรวมของธุรกิจโชว์ในกรุงเทพฯ ก่อนโควิดมีกลุ่มผู้ประกอบการประมาณ 9 แห่ง แต่คาดว่าหลังโควิดจะเหลือกลุ่มผู้ประกอบการโชว์ที่มีศักยภาพและกลับมาฟื้นได้ประมาณ 3-4 แห่งเท่านั้น โดยบางแห่งน่าจะหยุดกิจการถาวร เพราะรื้อสถานที่ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนอกจากโกลเด้นโดมแล้ว กลุ่มที่เหลือจะเป็นรายเล็กมีที่นั่งเพียงแค่ 200 กว่าที่นั่ง ทำให้ต้องขายตั๋วในราคาที่ค่อนข้างสูง

“ตอนนี้มีโกลเด้นโดมและมิรินโชว์ที่ประกาศเปิดบริการแล้ว คาดว่าต้นปีหน้า
น่าจะเปิดอีกสักแห่ง 2 แห่ง รวมแล้วก็น่าจะประมาณ 4 แห่ง ส่วนหนึ่งผมว่าถ้านักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาเต็มที่ ผู้ประกอบการอาจมองว่าการเปิดให้บริการหลาย ๆ แห่งไม่คุ้มทุน” 
นายบุญชัยกล่าว

ชี้ตลาดขยับสู่คุณภาพมากขึ้น

เจ้าของและผู้อำนวยการบริษัท โกลเด้นโดม คาบาเร่ต์โชว์ฯ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ส่วนตัวมองว่าปีหน้าถ้าจีนเปิดก็น่าจะได้นักท่องเที่ยวสัก 3-4 ล้านคน ถ้ากลับมาเปิดครบทุกแห่งจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เพียงพอก็จะอยู่กันไม่ได้ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้โกลเด้นโดมสามารถกลับมาเปิดได้คือ เป็นโชว์ที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกตลาด ไม่ใช่เฉพาะทัวร์จีนเท่านั้น และตั้งอยู่ในทำเลกลางเมือง นักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มเดินทางด้วยตัวเองและกรุ๊ปทัวร์เดินทางง่าย

และเชื่อว่านับจากนี้เป็นต้นไป ภาพรวมของธุรกิจโชว์จะขยับสู่สินค้าและบริการที่คุณภาพมากขึ้น การแข่งขันด้านราคาจะลดน้อยลง เนื่องจากผู้ประกอบการทุกรายมีต้นทุนการดำเนินการสูงขึ้น ขณะที่ตลาดมีขนาดเล็กลง