คิงเพาเวอร์ปรับพอร์ตธุรกิจ ทุ่ม 2 พันล้านเปิดดิวตี้ฟรีแห่งที่ 2 สุวรรณภูมิ

“คิง เพาเวอร์” ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ภาพลักษณ์ใหม่ เป็นมากกว่า “ดิวตี้ฟรี” โฟกัส 8 กลุ่มธุรกิจ ต่อยอดแนวคิด THE POWER OF POSSIBILITIES ทุกอย่างเป็นไปได้ เตรียมเปิดตัว King Power Duty Free อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 สุวรรณภูมิ เดือน มิ.ย.นี้ รุกปรับช่องทางขายออนไลน์สู่ single gateway ปลุกยอดขายกลุ่มรีเทล ตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย มีไฟลต์บิน-ไม่มีไฟลต์บินก็ช็อปได้ ตั้งเป้าปี’66 ฟื้นรายได้กลับมาได้ 80% ของปี’62

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่มีรายได้ แต่บริษัทยังคงยึดมั่นในแนวคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้ จึงถือโอกาสทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งใหญ่ สร้างการรับรู้ในแบรนดิ้งทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ปรับโครงสร้างธุรกิจ รวมถึงปรับแบรนด์โพซิชันนิ่งและการสื่อสารการตลาดใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและเทรนด์ธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่เป็น 8 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจสินค้าปลอดอากร (traveler retail) กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (retail) กลุ่มธุรกิจอาหาร (dining) กลุ่มธุรกิจโรงแรม (hospitality) กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค (consumer products) กลุ่มธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์ (travel experiences) กลุ่มธุรกิจกีฬา (sports) และกลุ่มกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)

พร้อมมุ่งสื่อสารแบรนด์เพื่อย้ำแบรนด์โพซิชันนิ่งใหม่ของคิง เพาเวอร์ ที่เป็นมากกว่า “ดิวตี้ฟรี” มุ่งต่อยอดธุรกิจทุกกลุ่มภายใต้แนวคิด THE POWER OF POSSIBILITIES หรือ “ทุกอย่างเป็นไปได้” ตามแนวคิดของนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ประธานบริษัทที่วางไว้มากว่า 30 ปี

นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า สำหรับกลุ่มธุรกิจสินค้าปลอดอากร (traveler retail) ซึ่งเป็นฐานรายได้หลัก บริษัท เตรียมความพร้อมรับการกลับมาของการท่องเที่ยวในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรีโนเวตดิวตี้ฟรี และปรับปรุงตกแต่งร้านค้าภายในสนามบินสุวรรณภูมิครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค และตอกย้ำภาพลักษณ์สนามบินที่มีความครบครันของแฟลกชิปสโตร์ของแบรนด์เนมระดับโลก

นอกจากนี้ บริษัทลงทุนเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาทใน King Power Duty Free ณ อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite Building) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รองรับผู้โดยสารได้ 151,000 รายต่อวัน มีแผนเปิดให้บริการเดือนกันยายน 2566 นี้

และเพื่อเป็นการตอกย้ำภาพความเป็นมากกว่าดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ จึงได้ปรับทัพ e-Commerce ecosystem ซึ่งได้พัฒนารองรับผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดทั้งระบบใหม่ ปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้าและบริการสู่ digital transformation ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ต้องการสินค้าที่หลากหลายและเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น และเชื่อมโยงทุกการช็อปให้เป็น single gateway ภายใต้ระบบ SHOP ALL POSSIBILITIES IN ONE CLICK

โดยผนวกแอปพลิเคชั่น FIRSTER.COM เข้ามาอยู่ใน KINGPOWER.COM เพื่อให้เข้าถึงนักช็อปทุกคนทั้งที่มีไฟลต์บินและไม่มีไฟลต์บิน โดยลูกค้าที่มีไฟลต์บินคลิกที่ KINGPOWER.COM ส่วนลูกค้าที่ไม่มีไฟลต์บินคลิกที่ FIRSTER.COM พร้อมทั้งเพิ่มสินค้า nonduty free เช่น สินค้าเพื่อการท่องเที่ยว สินค้าเครื่องใช้ในบ้าน ฯลฯ ใน FIRSTER.COM ทำให้ KINGPOWER.COM มีสินค้าบนแพลตฟอร์มรวมกว่า 250,000 รายการ

ทั้งนี้ ผู้ที่ซื้อสินค้าสามารถเลือกประเภทของบริการจัดส่งสินค้าได้ 2 รูปแบบคือ บริการ Airport Pick up รับสินค้าได้ที่สนามบินทั้งขาเข้าและขาออก สำหรับผู้ที่มีไฟลต์บิน และบริการ FIRSTER Home and Hotel Delivery in Thailand รับสินค้าที่บ้านหรือโรงแรมในประเทศไทย สำหรับลูกค้าต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และลูกค้าทั่วไปที่ไม่มีไฟลต์บิน

“3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงยากลำบากที่สุด แต่เราเชื่อว่าเราจะเดินหน้าต่อไปได้ และมีรายได้รวมปีนี้ไม่ต่ำกว่า 80% ของปี 2562 โดยรายได้ทั้งพอร์ตส่วนใหญ่ยังพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งปีนี้แม้นักท่องเที่ยวจะยังกลับมาเพียงแค่ประมาณ 30% แต่เราคาดหวังว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย” นายอัยยวัฒน์กล่าว