“ต๊อบ-อัยยวัฒน์” สานฝัน “วิชัย” สร้างสโมสรแบบไหนให้คนรัก

สมปรารถนา : เรื่อง

ชัยชนะในค่ำคืนมหัศจรรย์ที่สนามเวมบลีย์ กลายเป็นความสำเร็จในระดับปรากฏการณ์อีกครั้งหนึ่งของทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ทีมที่มีคนไทยเป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารทีมมาต่อเนื่องนับจากปี 2010

ไม่เพียงแต่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสรฟุตบอลแห่งเมืองเลสเตอร์ ที่นับจากก่อตั้งมา 137 ปี ไม่เคยพิชิตถ้วยชนะเลิศ เอฟเอคัพ ได้เลยเท่านั้น

หากปรากฏการณ์ในคืนวันที่ 15 พ.ค. 2021 ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการสานต่อ-ต่อยอด ภายใต้การนำของ ต็อป-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา บุตรชายของ วิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ล่วงลับ ซึ่งยังคงมุ่งมั่น ใส่ใจและทุ่มเทกับสโมสรฟุตบอลแห่งนี้ด้วยความรักเกิน 100 ไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะเดียวกันก็เป็นบทพิสูจน์ด้วยว่า ในขณะที่สโมสรฟุตบอลชั้นนำทั้งในอังกฤษ อิตาลี สเปน กำลังเผชิญวิกฤตศัรทธาความไม่เชื่อถือจากเหล่าแฟนบอลที่เป็นผู้สนับสนุนหลัก แนวคิด แนวทางในการบริหารทีมแบบเลสเตอร์ ซิตี้ กลับเป็นโมเดลต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่เจ้าของ ทีมบริหาร ผู้จัดการทีม นักเตะ ไปจนถึงแฟนบอลและชาวเมืองเลสเตอร์นั้น ผนึกใจเป็นหนึ่งเดียวกัน จนเดินหน้าไปถึงความฝันได้

ภาพบรรยากาศการฉลองแชมป์ที่ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ถูกเชิญลงไปร่วมชูถ้วยแชมป์เอฟเอคัพ ต่อหน้าแฟน ๆ เลสเตอร์ร่วม 6,000 คน คือภาพประทับใจที่บ่งบอกความจริงดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ Leicester City Football Club ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1884 เดิมใช้ชื่อว่า เลสเตอร์ฟอสส์ (Leicester Fosse) มาเปลี่ยนชื่อเป็น เลสเตอร์ซิตี้ เมื่อปี 1919

ประวัติศาสตร์ของสโมสรเคยประสบความสำเร็จสูงสุด ด้วยการเป็นแชมป์ลีกคัพ 4 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดที่ใช้ชื่อ เวิร์ทธิงตัน ลีกคัพ เลสเตอร์ได้ฉลองแชมป์ในปี 2000

สำหรับทีมสโมสรในระดับที่ไม่ใช่เมืองใหญ่อย่าง ลอนดอน, แมนเชสเตอร์, ลิเวอร์พูล, เบอร์มิงแฮม นั่นก็ดูจะเป็นความฝันที่สมกับฐานานุรูปแล้ว เหล่ากองเชียร์ผู้ภักดีก็ไม่ได้คาดหวังมากถึงขนาดที่จะก้าวไปเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ หรือกระทั่งฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ ขลังและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอย่าง เอฟเอคัพ ก็ตาม

จริง ๆ แล้ว เลสเตอร์ซิตี้เคยฟันฝ่าเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเอฟเอคัพ มาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ทั้ง 4 คราวพวกเขาก็ไม่สามารถสร้างตำนาน “แจ็กผู้ฆ่ายักษ์” ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำได้ดีที่สุดก็แค่ตำแหน่ง “รองแชมป์” ที่แทบไม่มีใครจดจำ

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่พลิกโฉมหน้าของสโมสรในเมืองเลสเตอร์ไปตลอดกาลก็คือ การเข้ามาของ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ คิง เพาเวอร์ ในปี 2010 หลังจากวิชัยซื้อหุ้นจาก มิลัน แมนดาริช กลายเป็นเจ้าของ-ผู้ถือหุ้นใหญ่ สิ่งที่เขาลงมือทำหลังจากนั้นล้วนเป็นเสมือนเทพนิยายทั้งสิ้น

Photo by AFP

เพราะวิชัยไม่ได้เข้ามาเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลเพียงเพราะต้องการเพิ่มงานอดิเรกเหมือนมหาเศรษฐีระดับโลกทั้งจากฟากอเมริกาและเอเชีย ที่ตบเท้าเข้ามาซื้อสโมสรฟุตบอลในยุโรปเหมือนจะเป็นเทรนด์ฮิตในช่วงหนึ่ง

ขณะเดียวกัน วิชัยก็ไม่ได้มุ่งหวังในเรื่องผลตอบแทนเชิงกำไร หรือตัวเลขจากการเข้ามาลงทุนกับสโมสรเลสเตอร์ ตรงกันข้าม เขาพิสูจน์ให้เห็นถึงความรัก passion ที่มีต่อฟุตบอลและสโมสรแห่งนี้ ด้วยการยกเครื่องทุกสิ่งอย่างไม่ว่าจะเป็น สนามแข่งขัน สนามฝึกซ้อม การบริหารจัดการ ฯลฯ

สิ่งที่เขาประกาศความฝันเอาไว้อย่างชัดเจน คือ การพัฒนาให้เลสเตอร์ซิตี้ ประสบความสำเร็จ นำแชมป์ นำความสุขมาให้กับชาวเมืองและแฟนบอลเลสเตอร์

และหลังจากพาทีมเลื่อนชั้นมาสู่พรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดได้สำเร็จ ฤดูกาล 2015-2016 เลสเตอร์ซิตี้ก็สร้างเทพนิยายสำเร็จด้วยการผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

จุดนั้นเอง ภาพความรัก ความผูกพันที่ใกล้ชิด แนบแน่น เป็นหนึ่งเดียวของเจ้าของสโมสรชาวไทย กับทั้งทีม และกองเชียร์ทั้งเมืองเลสเตอร์ ก็ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ว่า นี่คือวิธีคิดและแนวทางในการบริหารสโมสรฟุตบอลที่แตกต่าง ทว่าสามารถสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เลสเตอร์ ซิตี้ เผชิญกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งในปี 2018 เมื่อ วิชัย ศรีวัฒนประภา ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตกะทันหัน กลายเป็น บุตรชาย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ก้าวมาสานต่อภารกิจของผู้เป็นบิดา

Photo by AFP

หนึ่งในภารกิจที่ว่านั้นคือ การพาสโมสรเลสเตอร์เติบโตเข้มแข็งและประสบความสำเร็จต่อไป รวมถึงการเอาชนะทีม “เชลซี” ให้ได้

เมื่อแรกที่ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ก้าวขึ้นมารับบทบาทแทนวิชัย มีคำถามตามมามากมายว่า เขายังจะรักษาแนวทางแบบเดิม รวมถึงสร้างความสำเร็จได้เหมือนที่ผู้เป็นพ่อบุกเบิกกรุยทางไว้หรือไม่

ดูเหมือนฤดูกาล 2020-2021 ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ได้พิสูจน์จนหมดข้อกังขาเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว

เลสเตอร์ยังคงเป็นสโมสรที่วางแผนการจัดการได้อย่างฉลาด รัดกุม ไม่มีการทุ่มงบประมาณซื้อตัวผู้เล่นแบบบ้าคลั่ง กระทั่งยอมปล่อยขายนักเตะหลาย ๆ คนที่ฝีเท้าดีและมีผลตอบแทนเชิงธุรกิจที่สมเหตุสมผล แต่ก็ค้นหาส่วนผสมที่ลงตัวของทีมได้ในที่สุด

นอกจากนักเตะที่เป็นแกนหลักภักดีต่อสโมสรมาตั้งแต่ยุคคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2015-2016 อย่าง แคสเปอร์ ชไมเคิล และ เจมี วาร์ดี้ แล้ว ทีมเสริมทัพที่แข็งแกร่งทั้งในแนวรับ กองกลาง (ที่มีคีย์แมนอย่าง เจมส์ แมดดิสัน) และกองหน้า จนยืนหยัดอยู่ในกลุ่มท็อป 4 ของตารางพรีเมียร์ลีกมาจนถึงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

นอกจากจะลุ้นให้จบในอันดับ 3 หรือ 4 เพื่อให้ได้สิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกแล้ว อีกด้านหนึ่ง เลสเตอร์มุ่งมั่นมากกับการคว้าถ้วยเอฟเอคัพ ถ้วยเก่าแก่ที่สุดที่ไม่เคยได้สัมผัสมาตลอดระยะเวลา 137 ปี ที่ก่อตั้งสโมสรมา

รอบชิงชนะเลิศกำหนดขึ้นในวันที่ 15 พ.ค. 2021 ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน โดยคู่ชิงชนะเลิศก็คือ เชลซี ทีมชั้นนำจากลอนดอน ที่ครั้งหนึ่ง วิชัย ศรีวัฒนประภา เคยชื่นชอบ ติดตาม เป็นเจ้าของตั๋วปี และอาจเคยมีความคิดอยากเป็นเจ้าของสโมสรนั้นด้วย

แต่เนื่องจากเจอประสบการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของเชลซีปฏิบัติต่อเขาไม่ค่อยดี เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เลสเตอร์ซิตี้แทน และตั้งความหวังไว้ว่า สักวันหนึ่ง เขาจะพาเลสเตอร์มาเอาชนะเชลซีให้จงได้

หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวจากกรรมการเมื่อครบ 90 นาที ฝันของวิชัย ศรีวัฒนประภา เป็นจริง เลสเตอร์ซิตี้เอาชนะเชลซีได้ 1 ต่อ 0 กลายเป็นแชมป์เอฟเอคัพ ครั้งแรกได้สำเร็จ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ถูกจารึกอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางความยินดีของแฟน ๆ เลสเตอร์ ทั้งในอังกฤษ และทั่วโลก

แน่นอนว่ารวมถึงแฟนฟุตบอลจิ้งจอกสยามในเมืองไทยด้วยเช่นกัน

ภาพประทับใจในบรรยากาศของการเฉลิมฉลองความสำเร็จกลับมาอีกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะภาพที่สะท้อนทีมสปิริต อันยอดเยี่ยมระหว่างนักเตะ สตาฟทีมงานเท่านั้น

โมเมนต์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อ แคสเปอร์ ชไมเคิล ปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนนักเตะที่กำลังกระโดดโลดเต้นกันอยู่ในสนาม แล้วชักชวนให้ประธาน/เจ้าของสโมสรอย่าง อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ลงมาร่วมซึมซับความยินดีร่วมกับทุก ๆ คนในทีม

ถ้วยเอฟเอคัพถูกส่งต่อมาให้อัยยวัฒน์ เขายกมือไหว้ รับมาและชูขึ้นเฉลิมฉลองร่วมกับทีม และกองเชียร์ที่กำลังอยู่ในอารมณ์ชื่นมื่นเต็มที่ ในพริบตานั้น มีจังหวะที่อัยยวัฒน์มองและชี้มือขึ้นไปเพื่อส่งสัญญาณถึงคนบนฟ้าว่า เขาทำมันสำเร็จแล้ว

ชอตต่อมา อัยยวัฒน์เดินมาจับมือและสวมกอดกับ แบรนดอน ร็อดเจอร์ ผู้จัดการทีม เป็นแบรนดอน ร็อดเจอร์ ที่ถูกเลือกเข้ามาคุมทีมและทำได้สำเร็จ ซึ่งร็อดเจอร์ให้สัมภาษณ์ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเกมว่า เขาต้องการชัยชนะ และมอบแชมป์ถ้วยนี้ให้กับ วิชัย ศรีวัฒนประภา อดีตประธานสโมสรที่มีส่วนสำคัญในการพาเลสเตอร์ซิตี้มาถึงจุดนี้ได้

ไม่น่าแปลกใจที่ผู้บรรยาย รวมถึงนักเตะชื่อดังหลายคนที่ได้เห็นคลิปไวรัล ชอตที่ต๊อบ-อัยยวัฒน์ลงมาร่วมรับถ้วย ร่วมฉลองกับนักเตะและแฟนบอลแล้วพากันออกมาชื่นชม ริโอ เฟอร์ดินานด์ นักเตะชื่อดังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวิตข้อความแสดงความประทับใจว่า “เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นเจ้าของสโมสรรายใดติดดิน และเป็นกันเองกับทีม รวมถึงแฟน ๆ มากเท่านี้มาก่อน”

ไม่น่าแปลกใจที่ผลการโหวตจากกลุ่มแฟนฟุตบอลในอังกฤษ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ จะได้อันดับ 1 ในฐานะเจ้าของสโมสรที่ดีที่สุด

สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือ วันนี้ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาคือคนที่สานต่อภารกิจของวิชัย จนสามารถพาเลสเตอร์โค่นเชลซี คว้าแชมป์เอฟเอคัพได้สำเร็จ

พร้อมกับสานต่อ ตอกย้ำความมุ่งมั่น ทุ่มเทที่เจ้าของสโมสรพึงมีและพึงปฏิบัติต่อทีมเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ นำพาความสุขมาให้กับแฟนบอล ก้าวเข้าไปอยู่ในใจชาวเมืองเลสเตอร์

เพราะนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดที่อยู่ในใจของแฟนฟุตบอล หาใช่ความสำเร็จในการได้เข้าร่วมลีกพิเศษ หรือความสำเร็จในทางบัญชีกำไรของสโมสร หรือการต่อยอดแบรนด์ทำรายได้ไปทั่วโลก ฯลฯ

วันนี้ ต๊อบ-อัยยวัฒน์ และเลสเตอร์ซิตี้ แสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ด้วยความมุ่งมั่น ด้วยความรัก ด้วยความศรัทธาต่อทีม และก้าวไปสู่ความฝันได้สำเร็จ