ท่องเที่ยวโหนกระแส “ออเจ้า” แต่งย้อนยุคปลุกเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์

“ท่องเที่ยว” ลุยจับมือ ก.วัฒนธรรม เกาะกระแสละครดัง “บุพเพสันนิวาส” โหมตลาดไทยเที่ยวไทย ชวนแต่งไทยย้อนยุครับเทศกาลสงกรานต์เมืองท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ด้าน “วีระศักดิ์ โควสุรัตน์” รมว.ท่องเที่ยว เผยท่องเที่ยว 5 จังหวัดถ่ายทำ “กาญจนบุรี-สระบุรี-อยุธยา-สมุทรปราการ-ลพบุรี” สุดคึกคัก สั่งทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกสาวก “ออเจ้า” พร้อมเร่งหนุนกระจายนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่ประวัติศาสตร์ในเมืองรอง

จากกระแสยอดนิยมของละครดัง “บุพเพสันนิวาส” ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวแต่งกายย้อนยุคไปเที่ยวชมแหล่งโบราณสถาน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสถานที่ถูกใช้เป็นฉากสำคัญในละครเรื่องนี้ ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวโดยเฉลี่ยวันละกว่า 15,000 คน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เพื่อต่อยอดและเกาะกระแสละครดังเรื่องบุพเพสันนิวาส ททท.เตรียมร่วมมือกับกระทรวงวัฒนธรรม ส่งเสริมและเชิญชวนคนไทยแต่งกายชุดไทย ท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย ททท.อยู่ระหว่างจัดเตรียมโครงการเพื่อเข้ามาสนับสนุน เปิดตัวภายในเทศกาลสงกรานต์นี้ พร้อมรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวแต่งไทยไปเที่ยวเมืองรองด้วย

ก.ท่องเที่ยวหนุนกิจกรรมย้อนยุค

ด้านนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากกระแสละครเรื่องดังกล่าว ทำให้เวลานี้ผู้บริหารของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ รวมถึงปราชญ์ชาวบ้าน กำลังสร้างสรรค์และทำกิจกรรมด้วยบรรยากาศย้อนยุค ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีมากและต้องการให้ประคองบรรยากาศเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง

จะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อชักชวนให้เกิดวันนัดแต่งกายแบบไทย นัดแต่งกายย้อนยุค นัดแต่งกายแบบพื้นเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะแต่งกายด้วยแฟชั่นอะไร ทุกคนควรช่วยกันรักษาความสะอาดและท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ในวันที่ 21 เมษายนนี้จะเป็นวันฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 236 ปี จะถือโอกาสดีนี้ชวนคนไทยร่วมแต่งกายย้อนยุคกันอีกครั้ง” นายวีระศักดิ์กล่าว

5 จังหวัดถ่ายทำสุดคึกคัก

ทั้งนี้ จากละครดังเรื่องบุพเพสันนิวาสได้ปลุกกระแสท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยเฉพาะสถานที่ถ่ายทำและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ตามรอยละครเรื่องนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และลพบุรี คึกคักขึ้นอย่างชัดเจน

โดยจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีวัดไชยวัฒนาราม วัดพุทไธศวรรย์ วัดธรรมาราม วัดเชิงท่า วัดพระราม ป้อมเพชร วัดพระคริสตประจักษ์ เกาะใหญ่ สะพานบ้านดินสอ วังช้างอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา, จังหวัดลพบุรี บ้านหลวงรับราชทูตพระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระปรางค์สามยอด และพระที่นั่งไกรสรสีหราช, จังหวัดสมุทรปราการ เมืองโบราณ, จังหวัดกาญจนบุรี ตลาดน้ำกองถ่ายทำภาพยนตร์ ค่ายสุรสีห์ และจังหวัดสระบุรี หอวัฒนธรรมพื้นบ้านไทยวน ตลาดน้ำดาวเรืองสั่งทุกส่วนดูแลสาวก “ออเจ้า”

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวเสริมว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานของกระทรวงในจังหวัดเร่งบูรณาการเพื่อจัดเจ้าหน้าที่ร่วมดูแล อำนวยความสะดวก และประสานงานในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงวันหยุดเพื่อบริการนักท่องเที่ยวที่มาตามรอยละครบุพเพสันนิวาส เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพุทไธศวรรย์ ฯลฯ

นอกจากนี้ในวันที่ 7 เมษายน 2561 จะมีการจัดกิจกรรมดนตรี บรรเลงโดยวง symphonic band เวลา 16.30-19.30 น. บริเวณวัดไชยวัฒนาราม และวันที่ 13 เมษายน 2561 มีกำหนดจัดกิจกรรมทำบุญเมืองกรุงศรีอยุธยา ณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยจะเชิญทีมงานและนักแสดงจากละครบุพเพสันนิวาสเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย

นายพงษ์ภาณุกล่าวด้วยว่า ละครเรื่องดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบเฉพาะในกลุ่มคนไทยเท่านั้นแต่ดังไปไกลถึงต่างแดน ทำให้ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยไปด้วย ทั้งตลาดไทยเที่ยวไทยและตลาดต่างชาติเที่ยวไทย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่คนไทยให้ได้เรียนรู้และสนใจในประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชาติ เกิดความรักความหวงแหนในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย

ชวนเที่ยวประวัติศาสตร์เมืองรอง

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกจำนวนมากในเมืองรอง หรือ 12 เมืองต้องห้ามพลาด พลัส ได้แก่ ภาคเหนือ ลำปาง ลำพูน น่าน แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ภาคกลาง นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม ภาคอีสาน เลย ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ภาคตะวันออก จันทบุรี สระแก้ว ตราด ระยอง ภาคใต้ ชุมพร ระนอง ตรัง สตูล นครศรีฯ พัทลุง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดกระจายจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้สู่เมืองรอง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตของท้องถิ่นให้แต่ละชุมชนมีรายได้

“ผมได้สั่งการให้หน่วยงานทุกสังกัดของกระทรวง ทั้งตำรวจท่องเที่ยว ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สำนักงานท่องเที่ยวฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคน ให้เตรียมความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกและดูแลเรื่องความปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ตลอดเวลา เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย”

เช่นเดียวกับนายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวเสริมว่า จากการติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศ สทท.พบว่านักท่องเที่ยวไทยได้เดินทางตามรอยละครเรื่องบุพเพสันนิวาสจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ต่อยอดจากละครเรื่องนี้ซึ่งถ่ายทอดออกมาให้เข้าถึงคนไทยได้ง่าย