ททท.ปั้นรายได้เข้าระนอง ไม่ต่ำกว่า 7 พันล้าน ชง ครม.เพิ่มสายการบิน

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

ผู้ว่าการ ททท. ชง คณะรัฐมนตรี สัญจร จ.ระนอง ขอขยายความถี่เส้นทางบิน เพิ่มสายการบิน ขยายเส้นทางระนองเชื่อมภาคใต้ตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติดันรายได้แตะ 7,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์

วันที่ 23 มกราคม 2567 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์ที่ จ.ระนอง ว่า มีแผนจะโปรโมตการท่องเที่ยวพื้นที่ “ระนอง มหานครแห่งน้ำแร่” ที่มีมาตรฐานด้านสุขอนามัยและคุณภาพการให้บริการ

ทั้งนี้ ในปี 2567 ททท.วางเป้าหมายเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว จ.ระนอง ซึ่งเป็นเมืองรอง ให้ได้ 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีรายได้ 6,727 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวรวม 1.458 ล้านคนครั้ง เป็นชาวต่างชาติ 51,432 คน และนักท่องเที่ยวชาวไทยคนไทย 1.4 ล้านคน

โดยในปี 2567 ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ไม่ต่ำกว่าปี 2566 ประเด็นสำคัญคือต้องเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ได้ 15% เพื่อสร้างรายได้ให้มากขึ้น จากปีที่ผ่านมาเป็นคนไทยกว่า 96.5% ส่วนคนต่างชาติอยู่ที่ 3.5%

“ในปี 2566 การท่องเที่ยวของ จ.ระนอง เป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเกินกว่าเป้าที่วางไว้ 100% หรือเท่ากับปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ดีที่สุดก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด แต่ปรากกฎว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 19.81% โดยในปี 2562 มีนักท่องเที่ยว 1.21ล้านคน

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยได้ในปี 2562 ที่ 282,322 คน กลับลดลงมาเหลือ 51,432 คน ในปี 2566 เนื่องจากปัญหาเที่ยวบินเข้า จ.ระนอง ลดลงจาก 4-5 เที่ยวบินต่อวัน เหลือเพียง 1-1.5 เที่ยวบินต่อวันเท่านั้น”

ดังนั้น ททท.จึงวางแผนแก้ปัญหาเพื่อให้มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นโดยประสานกับกระทรวงคมนาคม ขณะที่ภาคเอกชน จ.ระนอง จะเสนอต่อที่ประชุม ครม.นอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่ จ.ระนองในครั้งนี้ด้วย

พร้อมกันนั้น ททท.ได้จัดเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อโปรโมตพื้นที่ระนอง อีก 2 เส้นทางเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ทั้งจากระนองลงใต้ และจากระนองขึ้นไปทางภาคกลาง คือ เส้นทางแรกเชื่อมโยงการเดินทางจากภูเก็ต พังงา และต่อมาถึงระนอง และเส้นทางที่สอง จากระนองไปชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ ตามเส้นทางไทยแลนด์ริเวียร่า

รวมทั้งการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างไทย-เมียนมา จากโครงการท่าเทียบเรือ เพื่อการท่องเที่ยว (ท่าเรือประภาคาร) เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับส่งนักท่องเที่ยวชาวไทย เมียนมา และต่างชาติที่ต้องการเดินทางข้ามแดนไปท่องเที่ยว 2 ฝั่ง ไทย-เมียนมา

ผู้ว่าการ ททท.กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมมาเที่ยว จ.ระนอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติจากตลาดระยะไกล เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา อิตาลี แคนาดา และมีตลาดระยะใกล้บางส่วน เช่น จีน มาเลเซีย ที่ชอบจุดเด่นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและวิถีชุมชน ขณะที่ ททท.จะเจาะตลาดใหม่เพิ่มในตะวันออกกลาง ที่ชอบการท่องเที่ยวแบบกรีน ซีซั่น ซึ่งเหมาะกับ จ.ระนองเป็นเมืองที่มีฝน 8 เดือน และแดด 4 เดือน

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียที่มีกำลังซื้อสูง และระยะเวลาพำนักนาน 19-20 วัน มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูงที่สุด 99,000 บาทต่อคนต่อทริป อีกทั้งซาอุเดีย แอร์ไลน์ และริยาร์ด แอร์ ที่กำลังจะเปิดเที่ยวบินตรงมาภูเก็ต จะสามารถเชื่อมโยงมาเที่ยวระนองได้

นอกจากนี้ ททท.ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง ตามแคมเปญ “สุขทันทีที่เที่ยวระนอง” โดยมุ่งกระตุ้นการใช้จ่ายด้วยการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในภูมิภาค (ใต้เที่ยวใต้) และเที่ยวข้ามภูมิภาค รวมถึงการกระจายนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่ ทั้งช่วง High Season และ Low Season ควบคู่กับกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวด้วยการนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวและสินค้าท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพ

โดยเฉพาะการนำเสนอความโดดเด่นในด้านการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และความเป็น “ระนองมหานครแห่งน้ำแร่” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของจังหวัด ผ่าน 13 แหล่ง แช่น้ำร้อน จังหวัดระนอง ได้แก่ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง น้ำนอง ฮอทสปา ธาริน ฮอทสปริง ราชาวดีสปาและน้ำแร่ ทินิดี ฮอทสปริง น้ำใสเขาสวย รีสอร์ท บ้านในหมง

นอกจากนี้ยังมีโรงแรมกาญจน์ญาภา ฮอทสปริง Wellness Sports Club Ranong รัก ระนอง ฮอทสปริง สปา บ่อน้ำร้อนพรุหลุมพี และบ่อน้ำร้อนบ้านหาดยาย อ.ละอุ่น รวมทั้งผสมผสานการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยว City Tour, ชุมชน และเกาะแก่งต่าง ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลายให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นอีกมิติหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวจังหวัดระนอง เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างไม่เหมือนใคร

“ระนองมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศไทยและสามารถจะผลักดันเป็น Wellness City ชั้นนำของโลกต่อไป ตลอดจนอานิสงส์ของการพัฒนาโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน จากชุมพร-ระนองของรัฐบาล จะยิ่งทำให้จังหวัดระนองเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต เพราะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่เพื่อรองรับซึ่งจะเป็นปัจจัยที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว”