อิมแพ็ค เมืองทองธานี มองตลาดนักเดินทางกลุ่มไมซ์สดใส ไทยได้เปรียบเดินทางสะดวก-ต้นทุนเหมาะสม ตั้งเป้าปี 2567 รุกตลาดอินเซนทีฟ หวังสิ้นปีโต 15% เผยปีที่ผ่านมาจัดงานอินเซนทีฟกว่า 50 งาน ผู้ร่วมงานรวมกว่าแสนคน
นางอัจฉราวรรณ ศุภางคะรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจไมซ์ (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) ทั่วโลกมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สอดรับกับคาดการณ์ของ Grand View Research รายงานว่า อุตสาหกรรมไมซ์ทั่วโลกจะเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.6% ตั้งแต่ปี 2566 ต่อเนื่องจนถึงปี 2573
โดยรูปแบบการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) ได้รับความนิยมสูงขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของกลุ่มประเทศในเอเชียที่ตัดสินใจเดินทางเข้ามาจัดงานกลุ่มอินเซนทีฟ เนื่องจากต้นทุนการจัดงานไม่สูงเมื่อเทียบกับหลาย ๆ ประเทศในกลุ่มเดียวกัน
“อินเดีย จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง ถือเป็นกลุ่มหลักที่ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานอินเซนทีฟเป็นอันดับต้น ๆ เนื่องจากการเดินทางสะดวก มีสายการบินให้บริการจำนวนมาก จำนวนสนามบินกระจายอยู่ทั่วประเทศ ตลอดจนการเดินทางเชื่อมต่อภายในประเทศ บวกกับมีวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์” นางอัจฉราวรรณกล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม ตลอดปี 2566 ที่ผ่านมา การจัดงานอินเซนทีฟที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา โดยมียอดการจัดงานมากกว่า 50 งาน และมีจำนวนผู้เข้างานที่เดินทางจากต่างประเทศเข้าร่วมงานมากกว่า 100,000 คน
นางอัจฉราวรรณกล่าวว่า ปี 2567 ทางศูนย์มีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการจัดงานกลุ่มอินเซนทีฟเพิ่มขึ้น โดยจะเข้าร่วมงานอีเวนต์ใหญ่ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเปิดตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น
ทั้งนี้ เชื่อว่าปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าจากต่างประเทศเลือกมาจัดงานอินเซนทีฟที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี มากขึ้น เนื่องจากจุดแข็งของทางศูนย์ที่สามารถรองรับการจัดงานได้หลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่
ประกอบกับมีทีมงานมืออาชีพที่คอยให้คำแนะนำตลอดการจัดงาน ตั้งแต่การวางแผนก่อน ระหว่าง และหลังการจัดงาน รวมถึงบริการอาหารจัดเลี้ยงที่มีให้เลือกครบทุกประเภท
เช่น บุฟเฟต์อาหารไทย อาหารนานาชาติ อาหารฮาลาลที่ผ่านกรรมวิธีในการทำ ปรุง ประกอบ ตามศาสนบัญญัติของศาสนาอิสลาม พร้อมเมนูมังสวิรัติสำหรับรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ พร้อมอาหารกลุ่มแพลนต์เบส หลากหลายเมนู เป็นต้น ภายใต้มาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร (ISO 22000)
อีกทั้งยังมีโรงแรมระดับ 4 ดาวในพื้นที่ให้บริการรวมกว่า 960 ห้อง พร้อมด้วยกิจกรรมสันทนาการ นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือบริการรถสาธารณะ รถไฟฟ้าสายสีชมพู เพื่อเชื่อมต่อเข้าไปยังพื้นที่ใจกลางเมืองได้ อีกทั้งยังเดินทางเชื่อมต่อจากสนามบินนานชาติทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมืองได้สะดวก
ทั้งนี้ ปัจจุบันมียอดจองพื้นที่สำหรับจัดงานอินเซนทีฟเข้ามาแล้วกว่า 40 งาน และคาดว่าสิ้นปีนี้ยอดการจัดงานจากกลุ่มดังกล่าวจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน