ข้อบังคับใหม่ สายการบินปฏิเสธรับขนส่งผู้โดยสารได้ เริ่ม 19 ก.พ. 68

ผู้โดยสาร เครื่องบิน สนามบิน
ภาพประกอบข่าว (ภาพจาก สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย)

คณะกรรมการการบินพลเรือน ออกข้อบังคับใหม่ จำกัดสายการบินไทย-สายการบินต่างประเทศ ปฏิเสธการรับขนส่งผู้โดยสารได้เฉพาะกรณี เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสาร ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย เริ่มบังคับใช้ 19 กุมภาพันธ์ 2568

คณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ซึ่งมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน ออกข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 104 ว่าด้วยการปฏิเสธการรับขนผู้โดยสาร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป โดยจำกัดให้สายการบินของไทยและต่างประเทศ (ผู้ขนส่ง) สามารถปฏิเสธการรับขนส่งผู้โดยสารได้เฉพาะกรณีดังต่อไปนี้

1.ผู้โดยสารซึ่งเป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ไม่ได้แจ้งขอรับบริการช่วยเหลือพิเศษล่วงหน้าภายในกำหนดเวลาที่ผู้ขนส่งแต่ละรายกำหนด และผู้ขนส่งนั้นได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด ในการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางสำหรับผู้โดยสารนั้นแล้ว แต่ไม่สามารถจัดเตรียมบริการเช่นว่านั้นได้

2.ผู้โดยสารนั้นไม่สามารถแสดงเอกสารการเดินทาง ซึ่งเป็นเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่สามารถใช้ระบุตัวตน หรือเอกสารที่ใช้ในการผ่านแดน หรือการเข้าเมืองต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้

3.ผู้โดยสารที่หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของประเทศปลายทาง หรือประเทศที่เป็นจุดแวะพักแจ้งว่าจะไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศหรือแวะพัก

4.ผู้โดยสารที่เป็นทารกแรกเกิดอายุต่ำกว่า 14 วัน

ADVERTISMENT

5.ผู้โดยสารอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่เดินทางโดยลำพัง

6.ผู้โดยสารที่มีอายุครรภ์เกินที่กำหนดในเงื่อนไขในการขนส่งของผู้ขนส่งแต่ละราย

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ผู้ขนส่งมีสิทธิปฏิเสธการรับขนผู้โดยสาร สัมภาระ และของที่ผู้โดยสารไม่ยินยอมให้ตรวจค้น หรือไม่ผ่านการตรวจค้น เพื่อการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการปฏิเสธการรับขนด้วยเหตุความปลอดภัยและ
การรักษาความปลอดภัย

โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 มาตรา 41/133 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้โดยสาร ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย