
การบินไทยประกาศปรับเปลี่ยนนโยบายสัมภาระ ตั๋วเที่ยวบินชั้น Saver และ Standard ลดน้ำหนักสัมภาระโหลดใต้เครื่อง เหลือ 23 กิโลกรัม ตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ปรับเปลี่ยนน้ำหนักสัมภาระที่ระบุบนบัตรโดยสาร ทั้งเส้นทางในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
สำหรับรายละเอียดการปรับเปลี่ยนน้ำหนักสัมภาระโหลดใต้เครื่อง จะมีผลกับบัตรโดยสารประเภทดังนี้
1. บัตรโดยสารเส้นทางในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศ ที่เดินทางด้วยเที่ยวบินการบินไทย
2. ปรับเปลี่ยนเฉพาะชั้นประหยัด RBD K/S/V (Standard Fare Family) และ W/L (Saver Fare Family)
3. สำหรับบัตรโดยสารที่ยังไม่ได้ใช้เดินทางทั้งฉบับ และเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
4. สำหรับบัตรโดยสารที่ยังไม่ได้ใช้เดินทางทั้งฉบับ และมีการเปลี่ยนแปลง/Reissued ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อเดินทางตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
บัตรโดยสารที่เข้าเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อ น้ำหนักสัมภาระ จะถูกปรับเปลี่ยนจาก 25 กิโลกรัม เป็น 23 กิโลกรัม ส่วน RBD อื่นยังคงเหมือนเดิม โดยสำหรับเส้นทางบินในประเทศ ชั้น Flexi Class 30 กิโลกรัม (66 ปอนด์) และ Full Flex Class 30 กิโลกรัม (66 ปอนด์) ชั้นอีโคโนมีพลัส (Economy Plus) 35 กิโลกรัม (77 ปอนด์) และชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) 40 กิโลกรัม (88 ปอนด์)
ขณะที่การเดินทางภายในทีซี 3 (เอเชีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) และการเดินทางระหว่างทีซี 2 (ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง) กับทีซี 3 (เอเชีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) กำหนดน้ำหนักสัมภาระในชั้นอื่น ๆ นอกจาก Standard และ Saver ดังนี้ ชั้น Flexi Class 30 กิโลกรัม (66 ปอนด์) และ Full Flex Class 30 กิโลกรัม (66 ปอนด์) ชั้นอีโคโนมีพลัส (Economy Plus) 35 กิโลกรัม (77 ปอนด์) ชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) 40 กิโลกรัม (88 ปอนด์) และชั้นหนึ่ง (Royal First Class) 50 กิโลกรัม (110 ปอนด์)
นอกจากนี้ สำหรับการเดินทางไปหรือกลับกลุ่มประเทศ CLMV บัตรโดยสารแบบ Saver (RBD : W) จะไม่ได้รับสิทธิ์น้ำหนักกระเป๋าสัมภาระ