
อัพเดตล่าสุด 25 มิ.ย.2568 00.05 น.
“สรวงศ์ เทียนทอง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เผยประชาชนลงทะเบียนจองที่พักโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ส่วนวันที่ 25 มิ.ย. 68 เปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียน กรอกคอนเซนต์ฟอร์มยินยอมให้แบงก์ไทยตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิแฝง
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้คุยกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งทำระบบลงทะเบียนโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ยืนยันว่าประชาชนสามารถลงทะเบียนจองที่พักตามโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป
สำหรับวันที่ 25 มิถุนายน 2568 เปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนและกรอกคอนเซนต์ฟอร์ม (หนังสือหรือเอกสาร) ยินยอมให้ธนาคารกรุงไทยตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิและการหลอกลวงและบัญชี โดยธนาคารจะใช้เวลา 3 วันในการส่งข้อมูลกลับให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หรือภายในวันที่ 29 มิถุนายน 2568 (ลงทะเบียนผู้ประกอบการ : เที่ยวไทยคนละครึ่งได้ที่ https://partner.tat.or.th)
หลังจากนั้น วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ททท.จะนำข้อมูลไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ และให้ประชาชนทั่วไปจองสิทธิได้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ตาม Timeline และระบบของธนาคารกรุงไทยจะพร้อมในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้เช่นกัน
สำหรับรายละเอียดสิทธิประโยชน์ของโครงการนั้น นายสรวงศ์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีจำนวนสิทธิทั้งสิ้น 500,000 สิทธิ โดย 1 คนใช้ได้สูงสุด 5 สิทธิ (เมืองหลัก 3 สิทธิ/เมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ) วงเงินค่าที่พัก ไม่เกิน 3,000 บาท/คืน/ห้อง
ส่วนรูปแบบการสนับสนุนจะแบ่งตามวันเดินทาง ประกอบด้วย วันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) รัฐบาลช่วย 50% (ไม่เกิน 3,000 บาท/คืน) วันหยุด (เสาร์-อาทิตย์/นักขัตฤกษ์) รัฐบาลช่วย 40% (ไม่เกิน 3,000 บาท/คืน) สำหรับคูปองจะได้รับจำนวน 500 บาทต่อ 1 สิทธิ จำนวน 500,000 สิทธิ
ประชาชนที่ลงทะเบียนได้ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชน และลงทะเบียนผ่าน Thai ID Application เพื่อยืนยันตัวตน โดยลงทะเบียนและจองได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่เว็บไซต์ www. เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com และแอปพลิเคชั่น Amazing Thailand โดยสามารถใช้สิทธิ (เดินทาง) ได้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม-31 ตุลาคม 2568
“ส่วนเงื่อนไขอื่น ๆ คือ ต้องชําระเงินก่อนเวลา 23.00 น. ของวันที่ทําการจอง กรณีไม่ชําระ สิทธิจะคืนการจองกลับสู่ระบบ และชําระค่าห้องพักอย่างน้อย 3 วันล่วงหน้าก่อนวันเดินทางจริง” นายสรวงศ์กล่าวและว่าส่วนคูปองดิจิทัลนั้น สามารถใช้จ่ายได้ในกลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วม ประกอบด้วย ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านค้า OTOP แหล่งท่องเที่ยว/กิจกรรมท่องเที่ยว สปา/นวดเพื่อสุขภาพและรถเช่า/เรือเช่า
สำหรับผู้ประกอบการนั้นต้องใช้บัญชีกรุงไทยสําหรับรับเงินจากนักท่องเที่ยว ส่วนนักท่องเที่ยวสามารถชําระค่าสินค้า/บริการ ด้วยระบบ Prompt Pay ธนาคารใดก็ได้ และผู้ประกอบการจะได้รับเงินโอนจากรัฐ ภายใน 14 วันทําการ
นายสรวงศ์กล่าวด้วยว่า คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากมาตรการดังกล่าวนี้ 66.63 ล้านคน ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2568 (เพิ่มจากเดิม+2.67 ล้านคน) รวม 69.3 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยว (Direct Impact) 14,125 ล้านบาท