“กะตะกรุ๊ป” ไม่หวั่น ศก.ชะลอ รุกลงทุนโซนอันดามัน-ส่งไม้ต่อทายาทรุ่น 2

ท่ามกลางพิษเศรษฐกิจที่ปะทะเข้าอย่างจังกับผู้ประกอบการธุรกิจบริการ “กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท” ผู้ให้บริการโรงแรมสัญชาติไทยแท้ที่มีฐานทัพใหญ่ในภูเก็ตก็ยังเดินหน้าเปิดรีสอร์ตใหม่ พร้อมขยายการลงทุนต่อเนื่องรวมถึงได้เตรียมส่งต่อธุรกิจสู่ทายาทรุ่นที่ 2

หลังจาก “ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย” ได้บุกเบิกธุรกิจบริการในเครือกะตะกรุ๊ป รีสอร์ท (Kata Group Resorts) กระทั่งก้าวสู่ปีที่ 20 ก็เริ่มถอยมาอยู่เบื้องหลัง และเปิดทางให้ “ปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย”หรือ “เบนซ์” บุตรชายเข้ามารับช่วงดูแลธุรกิจในเครือต่อ และเชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่มีพลังแห่งความกล้าคิดและกล้าทำ รวมถึงความสร้างสรรค์ที่ออกนอกกรอบที่จะเปิดทางใหม่ให้กับกะตะกรุ๊ปได้

ปัจจุบัน “ปริยวิศว์” รับหน้าที่ในการดูแลคุณภาพสินค้า ต้นทุนการผลิต และการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมี “ประมุขพิสิฐ” ผู้เป็นพ่อคอยดูแลการทำงานห่าง ๆ เพื่อถ่ายทอดและส่งต่อให้การทำงานราบรื่นและไม่เร่งร้อนเกินไปตามประสาคนรุ่นใหม่ที่คิดไวทำไว

โครงการแรกที่ “ปริยวิศว์” ได้ลงแรงคิดและแรงทำเต็มตัวคือ “ประมุกโก้ รีสอร์ท” (Pamookkoo Resort) โรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 512 ห้องบนพื้นที่ 16 ไร่ ทำเลทองหาดกะตะ ภูเก็ต ที่ได้เปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานับเป็นการตัดสินใจลงทุนของเครือกะตะกรุ๊ปที่สวนกระแสมาก เพราะเปิดให้บริการในวันที่เศรษฐกิจซบเซา

“ประมุขพิสิฐ” เชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระดับโลก เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ตนเริ่มจับธุรกิจท่องเที่ยว ไทยก็ประสบกับภาวะวิกฤตทางด้านการท่องเที่ยวหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งวิธีการเดินหน้าผ่านวิกฤตที่สำคัญของกลุ่มกะตะกรุ๊ปคือการรักษาบุคลากร ในช่วงที่การท่องเที่ยวซบเซาก็ให้พนักงานผลัดกันมาทำงานคนละครึ่งเดือนแทนการเลิกจ้างเพราะเชื่อว่าหากดูแลบุคลากรดี เวลาที่บริษัทเจอวิกฤตพนักงานก็จะไม่ทิ้งองค์กรเช่นกัน

โดยหลักการทำธุรกิจของกะตะกรุ๊ปตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมาคือ ตั้งอยู่บนฐานของ “ความคุ้มทุน” ที่จะได้จากการทำธุรกิจเป็นหลัก ควบคุมต้นทุนให้เหมาะสมกับดีมานด์ รวมถึงการเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ พร้อมกับรักษามาตรฐาน “สะอาด สะดวก บริการดี” เอาไว้ให้สม่ำเสมอ

ปัจจุบันโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ปมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ที่ 70-75% และมีอัตราการเข้าพักช่วงไฮซีซั่นอยู่ที่ 90-98% แต่คาดการณ์รายได้ปี 2562 คาดว่ารายได้คงจะลดลงประมาณ 10% จากปีก่อน แต่เมื่อรวมรายได้จาก “ประมุกโก้ รีสอร์ท” จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10%

สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนาคือ โครงการบนพื้นที่เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการและการหาพื้นที่เพิ่มจาก 30 ไร่เป็น 50 ไร่ โดยวางแผนที่จะผลักดันโครงการไปในทางบูทีครีสอร์ทที่ให้บริการดูแลความอยู่ดีมีสุข(Wellness) ของผู้ให้บริการในจำนวนไม่มากห้อง งบฯลงทุนประมาณ 200-300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ทันภายในปี 2564

อย่างไรก็ตาม “กะตะกรุ๊ป” ยังตั้งเป้าเดินหน้าขยายธุรกิจบนทำเลชายฝั่งอันดามันอีก 1-2 แห่ง เมื่อรวมกับที่เปิดให้บริการไปแล้วจะมีจำนวนห้องพักรวมเกิน 2,000 ห้อง ภายใน 3-5 ปี โดยจะยังคงโฟกัสทำเลติดทะเลอันดามัน อาทิ ในภูเก็ต พังงา และกระบี่ เพราะเชื่อว่ายังมีนักท่องเที่ยวศักยภาพในตลาดจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ที่สามารถขยายเพิ่มอีกได้ในอนาคต ที่สำคัญ ความหลากหลายของโรงแรมจะสามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ทุกเซ็กเมนต์ ทำให้เป็นโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ รวมถึงแผนทยอยปรับปรุง แต่ละโรงแรมให้ร่วมสมัยภายใน 3 ปีอีกด้วย