จีนส่อปิดประเทศยาวถึงสิ้นปี’65 ท่องเที่ยวไทยทำใจไม่ถึง 11 ล้านคน

โกลด์แมน แซกส์ชี้จีนยังคุมเข้มการเดินทางเข้า-ออกประเทศถึงสิ้นปี’65 ยึดแนวคิด “โควิดเป็นศูนย์” ต่อ นักวิเคราะห์มองถ้าจีนใช้แนวคิด “เจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ดึงประชาชนเที่ยวในประเทศ ไทยเตรียมเจอภาวะตลาดนักท่องเที่ยวจีนซึมยาว ยากจะกลับไปแตะ 11 ล้านคน

วันที่ 6 มกราคม 2565 เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่า โกลด์แมน แซกส์ (Goldman Sachs) วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ออกรายงานโดยระบุว่า จีนอาจคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศตลอดทั้งปี 2565 นี้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับการเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ปักกิ่งเกมส์ 2022 รวมถึงกิจกรรมทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี

รายงานยังระบุต่อว่า วัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทในประเทศอย่างซิโนแวค ไบโอเทค มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้อย่างจำกัด ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ทางการจีนยังยึดมั่นกับแนวคิด “ผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์” ทำให้จีนเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังใช้มาตรการดังกล่าว ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ เลือกปรับมาตรการเป็นการ “อยู่ร่วมกับเชื้อโควิด”

นายเอียน เบรมเมอร์ ประธานยูเรเซียกรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมือง กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า มาตรการควบคุมโควิดแบบเข้มข้นของจีนนั้นอาจจะใช้ไม่ได้ผลดีเท่ากับช่วงปี 2563 ซึ่งนั่นหมายถึงห่วงโซ่อุปทานจะยังได้รับผลกระทบต่อไป

“การอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสซึ่งมีความสามารถในการแพร่เชื้อที่สูง ดูจะเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับนโยบายควบคุมโควิด-19 ของรัฐบาลจีน และนโยบายดังกล่าวน่าจะใช้ไม่ได้ผล แต่รัฐบาลจีนจะยังยึดนโยบายนี้ต่อไป” นายเอียนกล่าว

นอกจากนี้ KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้ออกรายงานในหัวข้อ “ธุรกิจและนักลงทุนไทยจะเป็นอย่างไร เมื่อจีนดำเนินนโยบาย Common Prosperity” เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ระบุว่า รัฐบาลจีนต้องการทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศเป็นเครื่องยนต์หลัก แต่ยังกังวลเรื่องการเกิดภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเนื่องจากจะทำให้ระดับของหนี้เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การลดการขาดดุลภาคบริการอาจเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการบรรลุเป้าหมาย

โดยหากพิจารณาโครงสร้างการค้าของจีนนั้น ถึงแม้ว่าจีนจะเป็นประเทศที่มีการส่งออกสินค้ามากที่สุด แต่จีนนั้นมีขาดดุลการบริการในระดับสูงจากภาคการเดินทางและการท่องเที่ยวที่ขาดดุลกว่า 2.6 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.9% ของ GDP หนึ่งในวิธีการที่ภาครัฐอาจใช้ในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศของจีน คือ การสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งถ้าหากจีนประสบความสำเร็จในการดึงดูดให้คนเที่ยวในประเทศก็จะมีผลทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนมายังไทยลดลงในระยะยาว และไม่กลับไปยังระดับ 11 ล้านคนในปี 2562 ก่อนที่การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เคยคาดการณ์ว่าในปี 2565 หากประเทศไทยยังไม่สามารถเปิดพรมแดนและนักท่องเที่ยวชาวจีนยังไม่เดินทางเข้าประเทศ แต่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและชาวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยอยู่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยราว 6-7 ล้านคน