ได้ฤกษ์เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา สำหรับคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก “มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ” หรือ “MICHELIN Guide Bangkok” ฉบับปฐมฤกษ์ ประจำปี 2018 โดยมีร้านอาหารที่ผ่านการคัดเลือกรวม 98 ร้าน
หนึ่งในนั้นคือ ร้าน “เจ๊ไฝ” ซึ่งสามารถสร้างสถิติเป็นร้านอาหารริมทาง (สตรีตฟู้ด) เจ้าแรกของโลก ที่ได้ “1 ดาวมิชลิน” มาครอบครอง
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสร่วมสัมภาษณ์ “เจ๊ไฝ” สมญานามของ “เปีย-สุภินยา จันสุตะ” สุดยอดเชฟเจ้าของร้านวัย 72 ปี ผู้ปรุงอาหารด้วยเตาถ่าน ซึ่งหารับประทานได้ยากยิ่งในยุคนี้ หลังลงจากเวทีรับรางวัลสด ๆ ร้อน ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวชีวิต และเคล็ดลับการทำอาหารจนประสบความสำเร็จ มัดใจลูกค้าคนไทยและต่างชาติ
“เจ๊ไฝ” เริ่มต้นเล่าว่า เรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เติบโตมาในครอบครัวซึ่งเปิดแผงขายก๋วยเตี๋ยวไก่ก็จริง แต่ยังไม่ได้ยึด “แม่ครัว” เป็นอาชีพหลัก หันไปเรียนตัดเสื้อและออกมาเป็นลูกจ้างร้านตัดเสื้ออยู่หลายปี กระทั่งช่วงนั้นมีการนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากเมืองนอกเข้ามาขายในไทย ทำให้ผู้คนหันไปซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปมากกว่า ประกอบกับดันเกิดเหตุเพลิงไหม้ร้านตัดเสื้อที่ทำงานอยู่ ทำเอาเจ๊ไฝในวัยสาวหมดตัว
“พอกลับมาถึงบ้านเห็นแม่นั่งทำก๋วยเตี๋ยวอยู่ จึงตัดสินใจมาจับกระทะ เป็นลูกมือช่วยแม่ขายอาหาร โดยอาศัยความที่ตัวเองเป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว เมนูแรกที่ทำคือ ก๋วยเตี๋ยว ใช้สูตรของแม่ ที่แม่เป็นคนคิดค้นและลงมือทำเองทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกไก่ เชือดไก่ ปรุงเอง ไก่สมัยนั้นอร่อยด้วย รสชาติก๋วยเตี๋ยวจึงออกมาดีมาก”
ในช่วงนั้นถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเรียนรู้ และฝึกฝนฝีมือการทำอาหาร จนมีร้านเป็นของตัวเองในย่านดัง “ประตูผี” บนถนนมหาไชย ซึ่งเป็นจุดที่สตรีตฟู้ดเจ้าดังหลายเจ้าปักหลักขายมาอย่างยาวนาน โดยเจ๊ไฝเปิดร้านนี้มาเกือบ 40 ปีแล้ว และเป็นคนดูและควบคุมกระบวนการทำอาหารด้วยตัวเองทุกขั้นตอน
“เรียกได้ว่าคุมหมดทุกอย่าง คุมจนกระทั่งลูกมือบางคนทนอยู่ไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะนี่คือการทำอาหาร” เจ้ไฝย้ำ พร้อมบอกว่า วัตถุดิบคือหัวใจสำคัญของการทำร้านอาหาร ทุกอย่างต้องมาจากแหล่งที่ดีในไทย แม้จะราคาแพงแสนแพงแค่ไหน ก็ต้องหามาให้ได้
“เจ้ไฝ” บอกอีกว่า เมื่อถึงเวลาเปิดร้านตอนบ่ายโมงครึ่ง เธอจะกุมบังเหียนในฐานะเชฟใหญ่ กำกับรสชาติอาหารหน้าเตาถ่านอันเป็นเอกลักษณ์ ลงมือทำอาหารเองทุกจาน ไปจนถึงเวลาปิดร้านตอนตีหนึ่งครึ่ง (เปิดขายทุกวันจันทร์-เสาร์)
แม้จะเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร แต่เจ๊ไฝก็ไม่หยุดพัฒนา ได้ทดลองดัดแปลงและพัฒนาเมนูอาหารใหม่ ๆ เริ่มแรกด้วยการยืนพื้นจากความชอบของตัวเอง ซึ่งเป็นคนชอบรับประทาน “ราดหน้า” จึงหัดทำเมนูนี้ด้วยตัวเอง ใช้เวลาเคี่ยวฝีมือกว่า 1 เดือนเต็ม ๆ จนออกมาเป็นเมนู “ราดหน้าอินเตอร์” อุดมด้วยวัตถุดิบของทะเลสดใหม่ เพราะเห็นว่าเมืองไทยมีวัตถุดิบทะเลดี ๆ ให้เลือกจำนวนมาก
และเดินหน้าพัฒนาเมนูใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยยึดแนวคิดผลักดันเมนูอาหารของร้านให้เป็น “สตรีตฟู้ดแบบประยุกต์” นำเสนอเรื่องราวและความแปลกใหม่ ที่หาไม่ได้จากร้านอาหารสตรีตฟู้ดทั่วไป เช่น โจ๊กแห้ง เมนูที่ใครหลาย ๆ คนหลงรักอีกเอกลักษณ์ที่ทำให้ร้านเจ๊ไฝ ถูกพูดถึงอย่างมาก คือ เรื่อง “ราคา” ซึ่งเริ่มต้นอยู่ที่ 200 บาท คือ เมนูราดหน้าหมู และราดหน้าไก่ ส่วนราดหน้าทะเลรวมมิตร ไม่ต่ำกว่า 400-500 บาท
ขณะที่เมนูยอดฮิตอย่างไข่เจียวปู แขกไปใครมา ไม่ว่าไทยหรือต่างชาติ ต้องสั่งมาลิ้มรสกันทั้งนั้น ราคาเริ่มต้นอยู่ที่จานละ 800 บาท และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ เมนูราคาแพงสุดของร้านอย่าง “ราดหน้าเป๋าฮื้อเม็กซิโก” ราคาอยู่ที่ 10,000 บาทต่อจาน โดยจะไม่รับทัวร์ ไม่รับจอง จะรับเฉพาะลูกค้าวอล์กอิน เพราะที่ร้านมีโต๊ะเพียง 10 ตัวเท่านั้น
“ที่ร้านของเจ๊ไฝยังคงมีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าขาจรที่แวะเวียนอยากมาลองชิมฝีมือเจ๊ รวมถึงลูกค้าประจำ คนมีชื่อเสียงระดับประเทศ อย่างเชฟในร้านอาหารและโรงแรมดัง ๆ เขาก็นัดรวมตัวกันเพื่อมาทานอาหารฝีมือเรา และยังบอกต่อกันเป็นทอด ๆ”
“เจ้ไฝ” ยังบอกอีกว่า เมื่อมีลูกค้าดี ๆ ก็ต้องกล้าสู้ราคา กล้าสั่งวัตถุดิบชั้นดีราคาแพงมาทำขาย อย่างเช่น ปลาและกุ้ง สั่งมาจากแม่กลอง มหาชัย ส่วนปู สั่งมาจากนครศรีธรรมราช ขณะที่ราดหน้าเป๋าฮื้อเม็กซิโกจานละหมื่นบาท
ปัจจุบันราคาเป๋าฮื้อแพงมาก และต้องจองวัตถุดิบล่วงหน้านาน ซึ่งใครที่ได้เห็นวัตถุดิบที่ร้านใช้ แล้วจะบอกว่าไม่แพงเลย ซึ่งส่วนตัวก็มองว่าคนไทยสามารถขายของแพงได้ ถ้ากล้าทำก็มีคนรับประทาน
สำหรับรางวัลมิชลิน สตาร์ ครั้งนี้ “เจ๊ไฝ” บอกว่า ดีใจมากสำหรับดาวมิชลิน 1 ดาว พร้อมยืนยันว่า แม้จะได้รางวัลนี้มาครอบครอง แต่จะไม่ขยายสาขา เพราะอายุเยอะแล้ว พร้อมกับย้ำว่า “เจ๊ไฝรู้สึกตื้นตันอย่างมาก เพราะนี่คือ รางวัลแห่งชีวิต คุ้มค่ากับการที่เก็บเกี่ยวจากจุดเล็ก ๆ จู้จี้จุกจิกกับมันมาตลอด อาหารจะออกมาอร่อย ต้องทำด้วยความมั่นใจ และการทำอาหารต้องอารมณ์ดี ถ้าอารมณ์ไม่ดี อาหารจะออกมาแย่มาก”
ทั้งหมดนี้คือ…ตำราความสำเร็จ ที่เจ๊ไฝยึดถือมาโดยตลอด !